วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555

สอยคิวไทยอันดับพุ่งขึ้นเบอร์1โลก #12bet




 สอยคิวไทยสุดเจ๋งพุ่งขึ้นเบอร์ 1 โลก จากการจัดอันดับแรงกิ้งโลกประจำปีของสหพันธ์สนุกเกอร์และบิลเลียดนานาชาติ (IBSF) ว่า ล่าสุด ประเทศไทย สามารถที่จะยึดหมายเลข 1 เอาไว้ได้อีก 1 ปี หลังจากช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา มีนักกีฬาไทยที่สามารถเป็นแชมป์โลกสมัครเล่นได้ถึง 3 คน 






        นายสินธุ พูนศิริวงศ์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ที่อาคารเอสพีซี เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีคณะกรรมการสมาคมเข้าประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง 



        ซึ่งก่อนการประชุม "คิวทอง" นายศักดา รัตนสุบรรณ ที่ปรึกษาสมาคมเป็นตัวแทนกล่าวแสดงความยินดีที่นายสินธุได้รับรางวัลรางวัลบุคคลทรงคุณค่าและอุทิศตนแก่วงการกีฬายอดเยี่ยมแห่งปี (MeritAward) จากงานสยามกีฬาอวอร์ดส์ 
    
       
        โดยนายสินธุ กล่าวว่า รางวัลที่ได้รับนั้นถือว่ามาจากทุกฝ่าย 5 ข้อสู่ความสำเร็จในการบริหารงานนั้นประกอบด้วย นักกีฬาที่มีความสามารถ, คณะกรรมการบริหารที่มีฝีมือ, ผู้ให้การสนับสนุน, รัฐบาลจะต้องสนับสนุน และสื่อมวลชนที่ช่วยเผยแพร่ข่าว หากไม่มีครบทุกอย่าง ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จต่างๆ ได้ 



        ประเด็นสำคัญในการประชุมครั้งนี้ ประกอบด้วยการส่งนักกีฬาไปแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ, การแข่งขันรายการสะสมคะแนน, การจัดหางบประมาณมาสนับสนุน รวมไปถึงการเตรียมจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมอีกด้วย



        นายกสอยคิวยังกล่าวต่อว่า ตนมีข่าวดีจากการจัดอันดับแรงกิ้งโลกประจำปีของสหพันธ์สนุกเกอร์และบิลเลียดนานาชาติ (IBSF) ว่า ล่าสุด ประเทศไทย สามารถที่จะยึดหมายเลข 1 เอาไว้ได้อีก 1 ปี หลังจากช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เราสามารถเป็นแชมป์โลกสมัครเล่นได้ถึง 3 คน 



        ประกอบด้วย อรรถสิทธิ์ มหิทธิ, เทพไชยา อุ่นหนู และ เดชาวัต พุ่มแจ้ง โดยมีคะแนนอยู่ที่ 188 คะแนน ตามมาด้วย อินเดีย 182 คะแนน, ไอร์แลนด์ กับอิหร่าน 156 คะแนน ส่วนต้นตำรับอย่างอังกฤษร่วงจากอันดับ 3 ไปอยู่ถึงอันดับ 10 เลยทีเดียว
     
       
        ในขณะที่ประเภทเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งไทยเรา 3 ปี เป็นแชมป์ถึง 2 สมัย อยู่ในอันดับที่ 2 มี 213 คะแนนเป็นรองอันดับ 1 คือ อังกฤษ อยู่เพียง 7 แต้มเท่านั้น ส่วนในประเภทหญิง และประเภทอาวุโสนั้น ไทยอยู่อันดับ 8 ทั้งสองรายการ 



        ซึ่งผลงานของนักกีฬาคือหัวใจหลักในการทำงาน ซึ่งเราจะพยายามส่งนักกีฬาไปแข่งขันเพื่อหาประสบการณ์ตามแมตช์ต่างๆ ให้มากที่สุด รวมไปถึงส่งไปแข่งรายการสำคัญทั่วโลกเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศต่อไป" นายสินธุ กล่าวในที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น