สลาเวีย โซเฟีย ทีมจากลีกบัลแกเรีย เสร็จสิ้นการคว้าไดสุเกะ มัตสุอิ อดีตแข้งทีมชาติญี่ปุ่นมาเสริมทัพด้วยสัญญา 1 ปีจากการเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ของสโมสร
มิดฟิลด์วัย 31 ปีสร้างชื่อให้ตัวเองหลังย้ายจากเกียวโต ซังกะไปร่วมทีมเลอ มองส์ในลีกเอิงก่อนโยกไปแซงต์ เอเตียน, เกรอน็อบล์แล้วถูกปล่อยให้ทอม ทอมส์ในลีกรัสเซี่ยนยืมตัวไปใช้งาน
เมื่อฤดูกาลก่อนมัตซุอิรีเทิร์นกลับมาค้าแข้งกับดิฌงแต่ไม่ค่อยได้ลงสนามมากนักเพราะมีปัญหาบาดเจ็บ รบกวนจนได้เล่นเพียงแค่ 3 นัดตลอดทั้งฤดูกาล
สำหรับมัตซุอิติดทีมชาติญี่ปุ่นไปแล้ว 31 นัดแต่ในระยะหลังถูกอัลแบร์โต้ ซัคเคโรนีนายใหญ่ทีมชาติเมินเรียกตัวตลอด
ราอูล เมเรเลส ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส ออกมาเปิดเผยว่าเดิร์ก เคาท์ อดีตเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลนี่แหละที่เป็นคนออกปากชวนให้เขาย้ายออกจากเชลซี มาเล่นให้กับเฟเนร์บาห์เช่
กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ย้ายจาก"หงส์แดง"ไปอยู่กับเฟเนร์บาห์เช่ก่อนหน้าที่จะมาแนะให้เมเรเลสย้ายบอกลา"สิงห์บลูส์"ไปอยู่ด้วยกันหลังมิดฟิลด์โปรตุเกสติดต่อไปขอความเห็น
"เฟเนร์บาห์เช่บรรลุข้อตกลงได้ก่อนนะและจากนั้นก็เหลือเพียงแค่ให้ผมตกลงสัญญาส่วนตัว"เมเรเลสกล่าว
"คนอาจจะคิดว่ามันเซอร์ไพรส์เล็กน้อย แต่ผมรู้ว่าผมย้ายมาอยู่กับทีมที่ใหญ่มากๆทีมนึง เฟเนร์บาห์เช่เป็นทีมที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี"
"ผมคุยกับเคาท์และเขาแนะนำผมว่าตอบรับข้อเสนอย้ายมาเถอะ"
"เรามีทีมที่แข็งแกร่งและกำลังมองถึงการเล่นในยูโรป้าลีก ทุกสิ่งกำลังไปได้สวยนะ ร่างกายผมฟิตดีและพร้อมจะลงสนามแล้ว"
แข้งวัย 29 อาจได้ประเดิมสนามเกมแรกให้กับต้นสังกัดใหม่ในวันอาทิตย์นี้ที่จะพบกับเมอร์ซิน อิดมันยูร์ดู
แซร์คิโอ บาติสต้า กุนซือของเซียงไฮ้ เสิ่นหัวยืนยันว่าปัญหาของนิโคล่าส์ อเนลก้าและดิดิเย่ร์ ดร็อกบา สองสตาร์ของสโมสร จะได้รับการแก้ไข และไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่าอเนลก้าและดร็อกบาอาจย้ายสโมสรหลังมีข่าวว่าซู ยุนประธานสโมสรเซียงไฮ้ เสิ่นหัวเตรียมปฏิเสธจ่ายเงินเดือนหากเขาไม่ได้รับเสียงส่วนใหญ่ให้ควบคุมดูแลสโมสร
อย่างไรก็ตามล่าสุดบาติสต้าก็ได้ยืนยันว่าอเนลก้าจะได้ลงสนามให้ทีม ส่วนดร็อกบาก็กลับมาถึงประเทศจีนเรียบร้อยแล้วหลังจากภารกิจรับใช้ทีมชาติไอวอรี่ โคสต์
"นิโคล่าส์จะได้ลงเป็นตัวจริง"บาติสต้ากล่าว
"ส่วนอีก 2 คนอย่างดิดิเย่ร์และโจวานนี่(โมเรโน่) ผมยังไม่เจอพวกเขานะ(แม้ว่าพวกเขาจะกลับมาประเทศจีนแล้ว)"
"ผมคิดว่ามันหมายความว่าปัญหาโดยเบื้องต้นได้รับการแก้ไขแล้ว"
"เมื่อพวกเขามาถึง ผมจะพูดคุยกับพวกเขาและดูเงื่อนไงของพวกเขาก่อนจะตัดสินใจว่าพวกเขาจะได้ลงสนามหรือไม่"
อูลี่ เฮอเนส บอร์ดบริหารบาเยิร์น มิวนิค ออกมายืนยันว่าตนเองไม่เคยมีความคิดดูหมิ่นโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คู่ปรับแย่งแชมป์บุนเดสลีกา อย่างที่เป็นข่าวออกมาเมื่อวันก่อนหน้า
เฮอเนส ตกเป็นข่าวไปเย้ยหยันทีมเสือเหลืองว่าเป็นเพียงทีมระดับภูมิภาค ไม่ยิ่งใหญ่ท่ากับบาเยิร์น มิวนิค ที่ไปที่ไหนก็มีแต่คนพูดถึงมากกว่า
ทำให้ฮันซ์ โยอัคคิม วัตซ์เค่ บอร์ดทีมดอร์ทมุนด์ ต้องออกมาขอคำชี้แจงจากนายใหญ่ทีมเสือใต้ทันที ซึ่งเฮอเนสก็มาชี้แจงว่าตนไม่เคยคิดดูแคลนเพื่อนร่วมลีกอะไรแบบนั้น
"ผมจะไม่ทำการดูถูกผลงานดีๆที่ดอร์ทมุนด์ ได้สร้างเอาไว้อย่างแน่นอน" คำแถลงของเฮอเนส
ทั้งสองทีมเพิ่งจะเก็บชัยชนะในเกมบุนเดสลีกา เมื่อวันเสาร์ที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา โดยบาเยิร์นเฝ้ารังชนะไมนซ์ 05 ไป 3-1 ส่วนดอร์ทมุนด์ ก็สุดยอดไม่แพ้กันถล่มไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นไปราบคาบ 3-0
การ์ธ มัลรอย โปรกอล์ฟจากแอฟริกาใต้ ยังทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเก็บเพิ่มอีก 6 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม 17 อันเดอร์พาร์ ขึ้นมาครองตำแหน่งผู้นำ หลังจบรอบสาม ศึกกอล์ฟ ยูโรเปียน ทัวร์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา ทิ้งห่าง กอนซาโล เฟเดซ คาสตานโญ และ ราฟา คาเบรรา-เบลโล อยู่ 1 และ 2 สโตรค ขณะที่ ริชาร์ด แบลนด์ ออกรอบไม่สวย โดยทำได้แค่ 1 อันเดอร์พาร์ หล่นไปอยู่อันดับ 5 ร่วม
ศึกกอล์ฟยูโรเปียน ทัวร์ รายการ "บีเอ็มดับเบิลยู อิตาเลียน โอเพน" ชิงเงินรางวัลรวม 1.5 ล้านยูโร (ประมาณ 64.5 ล้านบาท) ณ สนาม รอยัล ปาร์ค ไอ โรเวอรี ระยะ 7,282 หลา พาร์ 72 ในเมืองตูริน ประเทศอิตาลี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันรอบสาม
ผลปรากฏว่า การ์ธ มัลรอย โปรกอล์ฟชาวแอฟริกัน เก็บเพิ่ม 6 อันเดอร์พาร์ จากการทำ 7 เบอร์ดี เสีย 1 โบกี สกอร์รวม 17 อันเดอร์พาร์ ทะยานขึ้นมาครองตำแหน่งจ่าฝูง ตามมาด้วย กอนซาโล
เฟเดซ คาสตาโญ โปรเลือดกระทิงดุ ซึ่งเก็บเพิ่ม 5 อันเดอร์พาร์ จากการทำ 1 อีเกิล 7 เบอร์ดี เสีย 3 โบกี สกอร์รวม 16 อันเดอร์พาร์ จบการแข่งขันเป็นอันดับ 2 ขณะที่ ราฟา คาเบรรา-เบลโล และ ปาโบล ลาร์ราซาบัล รั้งอันดับ 3 ร่วม โดยทำสกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์
ส่วนผลงานของโปรกอล์ฟชื่อดัง คนอื่นๆ มีดังนี้ นิโคลัส โคลแซร์ท เก็บเพิ่ม 7 อันเดอร์พาร์ จากการทำ 8 เบอร์ดี เสีย 1 โบกี สกอร์รวม 13 อันเดอร์พาร์ จบอันดับ 5 ร่วมกับ มาร์ติน คายเมอร์ ก้านเหล็กเมืองเบียร์ , เกรกอรี บัวร์ดี สวิงจากแดนน้ำหอม และ ริชาร์ด แบลนด์ ผู้นำจากรอบที่แล้ว ซึ่งเก็บได้แค่ 1 อันเดอร์พาร์เท่านั้น
สมควร เตียนพลกรัง หรือ "โท่ย โคราช" สอยคิวจอมเก๋าวัย 51 ปี อาศัยความเก๋าเบียด "พุธ เนวาด้า" ประวิทย์ วรรณแสง ในเฟรมสุดท้าย 29-19 เฉือนเอาชนะ 5-4 เฟรม คว้าแชมป์สนุกเกอร์ "แสงโสม 6 เร้ด โอเพ่น ครั้งที่ 3" รอบคัดเลือกสนาม 5 ที่ฟีโน่ สนุกเกอร์ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา
สนุกเกอร์ 6 แดง รายการ "แสงโสม 6 เร้ด โอเพ่น ครั้งที่ 3" รอบคัดเลือกสนาม 5 ที่ฟีโน่ สนุกเกอร์ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งมีนักสนุกเกอร์เข้าร่วมแข่งขัน 78 คน เป็นการชิงชัยในวันสุดท้าย รอบชิงชนะเลิศ แข่งระบบ 5 ใน 9 เฟรม โดยมี นายสมศักดิ์ จักรสาน เลขาธิการชมรมกีฬาบิลเลียดและสนุกเกอร์ จ.นครราชสีมา มาเป็นประธานมอบรางวัล
ซึ่งคู่ชิงเป็นการพบกันระหว่าง "โท่ย โคราช" สมควร เตียนพลกรัง นักสนุกเกอร์วัย 51 ปี ที่เพิ่งคว้าแชมป์ดิวิชั่น 2 รายการที่ 4 มาสดๆ ร้อนๆ พบกับ "พุธ เนวาด้า" ประวิทย์ วรรณแสง แชมป์รายการนี้เมื่อปีที่แล้วที่ จ.นครราชสีมา
โดยเริ่มมาเฟรมแรก โท่ย โชว์ความแม่นตบไม้เดียว เบรก 39 แต้ม ชนะสบาย แถมเฟรมสองยังแรงไม่ตก ตบแค่ 2 ไม้ เอาชนะได้อีก 62-8 ขณะที่เฟรมสาม โท่ยมาแทงปล้นช่วงท้ายเฟรม 35-26
แถมในเฟรมสี่ โท่ยทิ่มชนะสบาย 38-0 ขึ้นแท่นนำ 4-0 เฟรม เข้าสู่เฟรมห้า พุธ เนวาด้า หลังพิงฝา เปิดแรกสอยแค่ 2 ไม้ กวาดหมดโต๊ะ ชนะ 72-0 ไล่มา 1-4 เฟรม มาถึงเฟรมหก พุธตบนำก่อน 18-0 โท่ย พลาดแทงกันเหลืองไม่ดี ส่งให้พุธตามสอยเหลืองถึงน้ำตาล ชนะ 27-0 ไล่มา 2-4 เฟรม
มาถึงเฟรมเจ็ด เปิดมา พุธ เนวาด้า จอมคิวจากอุบลฯ ตบแดงหลุมยาว ตามเก็บไป 4 ชุด นำ 25-0 แถมยังแรงไม่ตก ตบอีก 2 ชุด นำขาด 32-0 แต่โท่ยยังสู้ตบเหลืองถึงน้ำตาล หวังวางสนุ้กน้ำเงิน เลยโดนพุธเก็บน้ำเงินชนะ 37-9 ไล่จ่อมา 3-4 เฟรม ต่อด้วยเฟรมแปด จอมคิวจากเมืองดอกบัว ยังแรงไม่ตกตบนำ 25-0 แต่ พุธ มาพลาดแก้สนุ้กไม่โดน เลยทำให้ โท่ย โคราช แทงไล่มา 21-28 มาพลาดชมพู ให้ พุธ ตบชนะสบาย 34-21 ไล่มาเสมอ 4-4 เฟรม
เฟรมตัดสิน โท่ย เปิดดี แทงบ๋อยแดงลงหลุมบนขวา ตามเก็บ 2 ชุด 13-0 แต่ พุธ เนวาด้า มาตบแซง 19-13 ก่อน โท่ย โคราช จะได้สอยอีก 2 ไม่ พลิกแซงชนะ 29-19 จบเกม "โท่ย โคราช" เฉือนชนะไป 5-4 เฟรม 39-0, 62-8, 35-26, 38-0, 0-65, 0-27, 9-37, 21-34, 29-19 คว้าแชมป์สนาม 5 ไปครอง รับเงินรางวัล 1.5 หมื่นบาท พร้อมคว้าสิทธิ์ไปแข่งขันรอบสุดท้ายทั้งสองคน
สุดเขต ประภากมล และ ร.อ.หญิง สราลีย์ ทุ่งทองคำ สองนักแบดมินตันประเภทคู่ผสมชื่อก้องของไทย พลาดโอกาสเข้ารอบชิงชนะเลิศศึกขนไก่ หลี่-หนิง ไชนา มาสเตอร์ส ไปอย่างน่าเสียดาย หลังพ่ายคู่หวดของจีนไป 1-2 เกม เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ "เอ-อาร์ต" บดินทร์ อิสระ และ มณีพงษ์ จงจิตร ร่วงรอบตัดเชือกชายคู่เช่นกัน
ศึกแบดมินตัน ซูเปอร์ซีรีย์ส รายการ หลี่-หนิง ไชน่า มาสเตอร์ส 2012 ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ชิงเงินรางวัลรวม 400,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 12 ล้านบาท) โดยวันนี้ (15 ก.ย.) ทีมนักตบขนไก่ของไทยมีคิวลงสนามกันทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน อาทิ คู่ผสม, หญิงเดี่ยว และ ชายคู่
เริ่มต้นที่คู่ผสมรอบตัดเชือก สุดเขต ประภากมล และ ร.อ.หญิง สราลีย์ ทุ่งทองคำ กระบี่มือ 1 ของไทย ลงสนามดวลกับ กี ซีฮาน และ จาง จินหัว คู่หูของเจ้าถิ่น ปรากฏว่าเกมแรกกลายเป็นคู่หูของจีนที่ตบเอาชนะไปได้ก่อน 21-16 ทว่าเกมสอง "เต่า-ส้ม" เร่งเครื่องขึ้นมาและไล่ตีเสมอได้สำเร็ต 1-1 เกม 21-19
เกมสุดท้าย ทั้งสองฝ่ายเล่นได้อย่างสูสี แต่กลายเป็นว่า สุดเขต-สราลีย์ ที่กุมความได้เปรียบฉีกแต้มห่างในช่วงท้าย กลับออกอาการสะดุดตีติดเน็ต และเสียแต้มบ่อยครั้ง ทำให้คู่แข่งเร่งเครื่องตบแซงเอาชนะไปในที่สุด 21-17 รวมสามเกม ชนะไป 2-1 เกม 21-16, 19-21, 21-17 เข้ารอบชิงชนะเลิศไปในที่สุด ส่วน สุดเขต-สราลีย์ ชวดลุ้นแชมป์อย่างน่าเสียดาย
ส่วนผลการแข่งขันประเภทชายคู่ รอบรองชนะเลิศ บดินทร์ อิสระ และ มณีพงษ์ จงจิตร สองคู่หูนักตบของไทย พ่าย ฮิโรยูกิ เอ็นโด และ เคนอิจิ ฮายากาวา จากญี่ปุ่น อย่างน่าเสียดาย 1-2 เซต 18-21. 21-19 และ 11-21
ด้านประเภทหญิงเดี่ยว "ปอป้อ" ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ความหวังหนึ่งเดียวของทีมตบขนไก่สาวไทย ถูก หวัง ยี ฮาน มือ 1 ของโลกชาวจีน สอนเชิงไปแบบเบาะๆ 0-2 เซต 13-21 และ 9-21 ตกรอบรองชนะเลิศเช่นกัน
ทัพวอลเลย์บอลสาวไทย เฉือนตบลูกยางสาวเวียดนามสุดระทึก สามเซตรวด ทำให้เข้าสู่รองชิงชนะเลิศ รอพบผู้ชนะระหว่างจีนกับคาซัคสถาน ในการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงแชมป์เอเชีย เอวีซีคัพ เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 15 ก.ย. 55 พร้อมกับคว้าตั๋วไปเล่น เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ปีหน้าแน่นอนแล้ว
ศึกการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์เอเชีย เอวีซีคัพ 2012 ที่เมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถาน ระหว่างวันที่ 10-16 กันยายนนี้ ซึ่งถือเป็นเวทีคัดเลือกสู่ศึกใหญ่ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ปีหน้า โดยเป็นการแข่งขันรอบรองชนะเลิศระหว่างทีมชาติไทย และ ทีมชาติเวียดนาม
นัดนี้ “โค้ชอ๊อด” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร จัดทัพใหญ่ลงสนาม หวังลุ้นผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เพื่อการันตีไปเล่นเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รอบสุดท้ายปีหน้า นำมาโดย วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ กัปตันทีม, ปลื้มจิตร์ ถินขาว, อรอุมา สิทธิรักษ์, นุศรา ต้อมคำ, อัมพร หญ้าผา และ มลิกา กันทอง
โดยเริ่มเซตแรก เราตีเสียเองถึง 6 ครั้ง และเสิร์ฟเสียเองแค่ครั้งเดียว แต่ก็เพียงพอที่จะเอาชนะไปก่อน 25-22 เริ่มเซตสอง ตบสาวเวียดนาม อาศัยเกมที่เหนียวแน่น และรัดกุมมากขึ้น ทำคะแนนแซงในช่วงท้ายเซตสองบ้าง 20-18 ก่อนจะได้อัมพร หญ้าผา ตบจากด้านหลังทำคะแนนไล่มาที่ 24-24 และ ได้ฐาปไพพรรณ ไชยศรี ที่เปลี่ยนลงมาเสิร์ฟทำสองแต้มสุดท้ายก่อน เฉือนชนะไปอย่างระทึก 26-24
เริ่มเซตที่สามสาวไทย เริ่มได้ดีกว่า ขณะที่สาวเวียดนามดูจะแผ่วลงเยอะ ทำให้ไทยนำห่างถึง 15-8 ช่วงท้ายเกม “โค้ชอ๊อด” ส่งพรพรรณ ลงมาสัมผัสเกมบ้าง ก่อนที่วอลเลย์บอลสาวไทย เอาชนะเวียดนามไป สามเซตรวด 25-22, 26-24 และ 25-17
สำหรับขุนพลวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยจะพบกับ จีน ซึ่งต้อน คาซัคสถาน(เจ้าภาพ) ขาดลอย 3-0 เซต 25-20 , 25-14 และ 25-11 เวลา 18.30 น. ในวันพรุ่งนี้(16 ก.ย.)
