คาร์ลิ่งคัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย
เอฟเวอร์ตัน (พรีเมียร์ลีก) 1 - 1เชลซี (พรีเมียร์ลีก)
(ต่อเวลาพิเศษเชลซีชนะ 2-1)
เอฟเวอร์ตัน (พรีเมียร์ลีก) 1 - 1เชลซี (พรีเมียร์ลีก)
(ต่อเวลาพิเศษเชลซีชนะ 2-1)
ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ หัวหอกตัวสำรอง เชลซี ลงมาซัดประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 หลังเสมอ เอฟเวอร์ตันในเวลา 1-1 ก่อนจะผ่านเข้ารอบคาร์ลิ่งคัพ 8 ทีมสุดท้ายไปแบบหืดจับ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
สนาม : กูดิสัน พาร์ค
คู่เอกรอบ 4 เอฟเวอร์ตัน เปิดบ้านรับมือ เชลซี เกมนี้เจ้าถิ่นปรับทัพเล็กน้อย แต่ยังถือว่าสมบูรณ์พร้อม แนวรุกวาง ทิม เคฮิลล์ คอยสนับสนุน หลุยส์ ซาฮา ในการทำประตู
ฝั่งทีม เยือนปรับทัพ 10 ตำแหน่ง มี ดาวิด ลุยซ์ คนเดียวที่เป็นตัวจริงจากเกมล่าสุด โดย ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, โชเซ่ โบซิงวา และ แอชลี่ย์ โคล โดนแบน ส่วน เฟร์นานโด ตอร์เรส พ้นแบนเป็นสำรองแล้ว
ต้นเกมทั้งสองทีมมี จังหวะทักทาย นาทีที่ 3 เป็นของ เชลซี โดย โรเมลู ลูกากู ส่องจากระยะ 18 หลาไปเข้าข้างตาข่าย ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน เกิดในนาทีที่ 6 หลุยส์ ซาฮา กลับตัวยิงด้วยซ้ายในเขตโทษ รอสส์ เทิร์นบุลล์ ต้องปัดพ้นเสา
นาที ที่ 16 เชลซี มาได้จุดโทษ จอช แม็คเอคราน ควบบอลเข้าเขตโทษแล้วโดน จอห์นนี่ ไฮติงก้า แหย่เท้าเสียบล้มคว่ำ ทว่า นิโกล่าส์ อเนลก้า กลับยิงจุดโทษไปทางขวามือหลุดเสาออกไปน่าตาเฉย เป็นการยิงจุดโทษพลาด 3 ครั้งหลังสุดของ นิโก้ ด้วย
สิงโตน้ำเงินคราม ยิงนำ 1-0 จนได้ในนาทีที่ 38 ซึ่งมาจากความผิดพลาดของ ยาน มูช่า นายทวารทีมชาติสโลวาเกียของทอฟฟี่ที่ต้องรับผิดชอบเต็มๆ เพราะลูกชิพของ ซาโลมง กาลู ไม่มีอันตรายอะไรแล้ว แต่กลับรับพลาดปล่อยบอลหลุดเข้าประตูไป จบครึ่งแรก เชลซี นำ 1-0
ครึ่งหลัง มูช่า กลับมาแก้ตัวได้ดีขึ้นในนาทีที่ 54 เมื่อปัดป้องลูกยิงระยะ 18 หลาของ นิโกล่าส์ อเนลก้า เอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
นาทีที่ 58 หลุยส์ ซาฮา แตะหลบ รอสส์ เทิร์นบุลล์ แล้วโดนรวบล้ม ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษพร้อมแจกใบแดงไล่ เทิร์นบุลล์ ด้วย ทำให้ต้องถอด ลูกากู ออกแล้วส่ง ปีเตอร์ เช็ก ลงเฝ้าเสา ซึ่งจุดโทษของ เลห์ตัน เบนส์ ยิงแรงไปถูก เช็ก เซฟได้ เบนส์ ซ้ำอีกที เช็ก ยังบล็อคอยู่ ก่อน เคฮิลล์ โหม่งอีกครั้งหลุดกรอบ
พอตัวมากกว่า เอฟเวอร์ตัน เร่งเครื่องบดหนัก นาทีที่ 62 จากฟรีคิก รอยส์ตัน เดรนเธ่ ตะบันด้วยซ้ายแฉลบ ไรอัน เบอร์ทรานด์ สะกิดคานออกไป
นาที ที่ 83 เจ้าถิ่นมาได้ประตูตีเสมอ จังหวะที่ เชมัส โคลแมน ครอสบอลมาหน้าปากประตูให้ หลุยส์ ซาฮา ซัดตีเสมอให้ เอฟเวอร์ตัน 1-1 ช่วงเวลาที่เหลือไม่สามารถทำอะไรกันได้ จบ 90 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 107 เอฟเวอร์ตัน ต้องเหลือ 10 คนเท่ากันเมื่อ รอยส์ตัน เดรนเธ่ ไปทำฟาวล์ เบอร์ทรานด์ โดนใบเหลืองที่สองถูกไล่ออกจากสนาม
นาทีที่ 106 เป็นทีมเยือนมาได้ประตูขึ้นนำ เมื่อ ฟลอร็องต์ มาลูด้า สับไกลจากระยะ 25 หลา ยาน มูช่า พุ่งเซฟแต่บอลมาเข้าทาง ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ หัวหอกตัวสำรองตามเข้าซ้ำเข้าไป ทำให้ เชลซี ขึ้นนำ 2-1
ช่วง ท้ายเกม เอฟเวอร์ตัน โหมบุกหนักหวังจะตีเสมอให้ได้แต่ก็ไม่สำเร็จ ครบช่วงต่อเวลาพิเศษ เป็น เชลซี ที่บุกมาเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ได้ถึงถิ่น 2-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย
สนาม : กูดิสัน พาร์ค
คู่เอกรอบ 4 เอฟเวอร์ตัน เปิดบ้านรับมือ เชลซี เกมนี้เจ้าถิ่นปรับทัพเล็กน้อย แต่ยังถือว่าสมบูรณ์พร้อม แนวรุกวาง ทิม เคฮิลล์ คอยสนับสนุน หลุยส์ ซาฮา ในการทำประตู
ฝั่งทีม เยือนปรับทัพ 10 ตำแหน่ง มี ดาวิด ลุยซ์ คนเดียวที่เป็นตัวจริงจากเกมล่าสุด โดย ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, โชเซ่ โบซิงวา และ แอชลี่ย์ โคล โดนแบน ส่วน เฟร์นานโด ตอร์เรส พ้นแบนเป็นสำรองแล้ว
ต้นเกมทั้งสองทีมมี จังหวะทักทาย นาทีที่ 3 เป็นของ เชลซี โดย โรเมลู ลูกากู ส่องจากระยะ 18 หลาไปเข้าข้างตาข่าย ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน เกิดในนาทีที่ 6 หลุยส์ ซาฮา กลับตัวยิงด้วยซ้ายในเขตโทษ รอสส์ เทิร์นบุลล์ ต้องปัดพ้นเสา
นาที ที่ 16 เชลซี มาได้จุดโทษ จอช แม็คเอคราน ควบบอลเข้าเขตโทษแล้วโดน จอห์นนี่ ไฮติงก้า แหย่เท้าเสียบล้มคว่ำ ทว่า นิโกล่าส์ อเนลก้า กลับยิงจุดโทษไปทางขวามือหลุดเสาออกไปน่าตาเฉย เป็นการยิงจุดโทษพลาด 3 ครั้งหลังสุดของ นิโก้ ด้วย
สิงโตน้ำเงินคราม ยิงนำ 1-0 จนได้ในนาทีที่ 38 ซึ่งมาจากความผิดพลาดของ ยาน มูช่า นายทวารทีมชาติสโลวาเกียของทอฟฟี่ที่ต้องรับผิดชอบเต็มๆ เพราะลูกชิพของ ซาโลมง กาลู ไม่มีอันตรายอะไรแล้ว แต่กลับรับพลาดปล่อยบอลหลุดเข้าประตูไป จบครึ่งแรก เชลซี นำ 1-0
ครึ่งหลัง มูช่า กลับมาแก้ตัวได้ดีขึ้นในนาทีที่ 54 เมื่อปัดป้องลูกยิงระยะ 18 หลาของ นิโกล่าส์ อเนลก้า เอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
นาทีที่ 58 หลุยส์ ซาฮา แตะหลบ รอสส์ เทิร์นบุลล์ แล้วโดนรวบล้ม ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษพร้อมแจกใบแดงไล่ เทิร์นบุลล์ ด้วย ทำให้ต้องถอด ลูกากู ออกแล้วส่ง ปีเตอร์ เช็ก ลงเฝ้าเสา ซึ่งจุดโทษของ เลห์ตัน เบนส์ ยิงแรงไปถูก เช็ก เซฟได้ เบนส์ ซ้ำอีกที เช็ก ยังบล็อคอยู่ ก่อน เคฮิลล์ โหม่งอีกครั้งหลุดกรอบ
พอตัวมากกว่า เอฟเวอร์ตัน เร่งเครื่องบดหนัก นาทีที่ 62 จากฟรีคิก รอยส์ตัน เดรนเธ่ ตะบันด้วยซ้ายแฉลบ ไรอัน เบอร์ทรานด์ สะกิดคานออกไป
นาที ที่ 83 เจ้าถิ่นมาได้ประตูตีเสมอ จังหวะที่ เชมัส โคลแมน ครอสบอลมาหน้าปากประตูให้ หลุยส์ ซาฮา ซัดตีเสมอให้ เอฟเวอร์ตัน 1-1 ช่วงเวลาที่เหลือไม่สามารถทำอะไรกันได้ จบ 90 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 107 เอฟเวอร์ตัน ต้องเหลือ 10 คนเท่ากันเมื่อ รอยส์ตัน เดรนเธ่ ไปทำฟาวล์ เบอร์ทรานด์ โดนใบเหลืองที่สองถูกไล่ออกจากสนาม
นาทีที่ 106 เป็นทีมเยือนมาได้ประตูขึ้นนำ เมื่อ ฟลอร็องต์ มาลูด้า สับไกลจากระยะ 25 หลา ยาน มูช่า พุ่งเซฟแต่บอลมาเข้าทาง ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ หัวหอกตัวสำรองตามเข้าซ้ำเข้าไป ทำให้ เชลซี ขึ้นนำ 2-1
ช่วง ท้ายเกม เอฟเวอร์ตัน โหมบุกหนักหวังจะตีเสมอให้ได้แต่ก็ไม่สำเร็จ ครบช่วงต่อเวลาพิเศษ เป็น เชลซี ที่บุกมาเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ได้ถึงถิ่น 2-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย
สมัครสมาชิก 12BET วันนี้รับโบนัสวันนี้สิคะ!!
รหัสรับโบนัส 12TH11100 ฟรีโบนัส 100% สูงสุดถึง 1,000 บาท
รหัสรับโบนัส 12B33 ฟรีโบนัส 33% จำนวนเงินสูงสุด คือ 10,050บาท