คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมเงินถุงเงินถังจากเวทีลีก เอิง ฝรั่งเศส เตรียมวางแผนที่จะคว้าตัว แอชลี่ย์ โคล แบ็กซ้ายจอมแกร่งของ เชลซี ยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีก ในช่วงเปิดตลาดซื้อ-ขายนักเตะประจำเดือน ม.ค. ปีหน้า หลัง โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทัพ "สิงห์บูลส์" มีนโยบายที่จะต่อสัญญากับนักเตะรุ่นเก่าๆ เพียงแค่ปีต่อปี เท่านั้น
จากนโยบายดังกล่าวทำให้ ปราการหลังเลือดผู้ดีวัย 31 ปี ซึ่งเหลือสัญญากับต้นสังกัดในกรุงลอนดอนไม่ถึง 1 ปี รู้สึกไม่พอใจ พร้อมกับมีความสัมพันธ์อันดีกับ "อันเช่" เสมอมานับตั้งแต่สมัยที่เทรนเนอร์เลือดเลี่ยนคุมรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อปี 2009-2011 ก่อนที่จะโยกมากอบโกยเงินทองกับ "เปแอสเช" ที่พร้อมทุ่มเงินอย่างเต็มที่เพื่อดึงตัว โคล มาร่วมทีมต่อไป
เช่นเดียวกับด้านของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์จอมเก๋า "สิงโตน้ำเงินคราม" อีกหนึ่งรายที่กำลังจะหมดสัญญากับทีมในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า และกำลังเป็นที่จับตามองของ แอลเอ กาเเล็กซี่ สโมสรดังแห่ง เมเจอร์ลีก ซ้อคเกอร์ ที่ต้องการดึงตัวมาร่วมทีมเช่นกัน
อลัน พาร์ดิว กุนซือของนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ออกมายอมรับว่าเขาสนใจในการไปรับงานคุมทีมชาติอังกฤษในอนาคต
พาร์ดิวเพิ่งจะจรดปากกาต่อสัญญาใหม่กับ"สาลิกาดง"ไปยาวๆถึง 8 ปีเลยทีเดียวแม้จะเพิ่งเข้ามาทำงานต่อจากคริส ฮิวจ์ตันได้ 18 เดือนเท่านั้น
การดึงอดีตกุนซือของเวสต์แฮม, เรดดิ้ง, ชาร์ลตันและเซาแธมป์ตันเข้าไปแทนฮิวจ์ตันในช่วงแรกนั้นกลายเป็นเครื่องหมายคำถามของหลายคนแต่สุดท้ายก็กระจ่างหลังพานิวคาสเซิ่ลบินสูงจนได้ไปลุยยุโรป
ถึงแม้จะได้สัญญาใหม่ระยะยาวมาแต่พาร์ดิวก็ยอมรับว่ายังมีความสนใจในตำแหน่งงานระดับทีมชิาต แต่ก็ยังรู้สึกว่าการจะไปจับงานระดับนั้นยังคงต้องใช้เวลาอีกนาน
"ผมมีความทะเยอทะยานในระดับทีมชาตินะ ผมอยากจะไปลองทำดูในซักวันนึง หวังว่าผมจะอยู่กันไปจนกระทั่งหมดสัญญานี้และดูว่าผมจะทำอะไรต่อไปหลังจากนั้น"พาร์ดิวบอกกับซันเดย์ มิร์เรอร์
"ผมมีความรู้สึกเสมอว่าจะมีคนประสบความสำเร็จในฐานะผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ผมไม่เปลี่ยนความคิดหรอกนะแต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องง่าย"
"รอย ฮอดจ์สันอาจจะเจอช่วงเวลาที่ยากกับการเป็นกุนซืออังกฤษเพราะบรรดานักเตะนั้นไม่ได้ยอดเยี่ยมแบบที่ควรจะเป็น ท้ายที่สุดแล้วความทะเยอทะยานของผมอาจได้ข้อสรุปนั้นก็ได้ คือการได้เป็นกุนซือทีมชาติอังกฤษ"
"มันไม่ใช่สิ่งที่ผมไม่อยากทำนะแต่มันไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดจะทำในตอนนี้"
เอวานเดอร์ สโน กองกลางของ เอ็นอีซี ไนจ์เมเก้น สร้างความตกใจให้กับเพื่อนนักเตะ และผู้ชมในสนาม เมื่อเกิดอาการ "ภาวะหัวใจหยุดเต้น" ระหว่างเกมที่บุกไปเยือน เฟเยนูร์ด ในเกมลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
คาสเปอร์ ฟาน ไอจ์ค แพทย์ประจำทีมเฟเยนูร์ด กล่าวว่า "เอวานเดอร์ เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น ก่อนเขาจะถูกกระแสไฟฟ้าจากเครื่องกระตุ้นหัวใจภายในตัวเขา กระแสไฟทำให้เขากลับมารู้สึกตัว นั่นทำให้เขาตกใจ ซึ่งผมเห็นได้จากดวงตาของเขา เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เพราะเครื่องกระตุ้นหัวใจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เขาจึงต้องรอดูอาการที่โรงพยาบาลทั้งคืน"
สโน ถูกฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจลงไปในตัว หลังจากเคยเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นมาครั้งหนึ่งแล้วตอนเล่นให้ทีมสำรองของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อเดือน ก.ย. ปี 2010 ซึ่งตอนนั้นเขาได้รับการช่วยชีวิตจากเครื่องกระตุ้นหัวใจภายนอก
ทั้งนี้ ห้องเครื่องชาวดัตช์ วัย 25 ปี ถูกเปลี่ยนตัวออกไปในนาทีที่ 34 ก่อนที่ เอ็นอีซี จะเป็นฝ่ายพ่าย เฟเยนูร์ด ไป 5-1
จุ๊ปป์ ไฮย์เกส กุนซือ บาเยิร์น ระบุ ในเกมที่ทีมของตนบุกไปพิชิต เบรเมน 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ตนมีการดุลูกทีมด้วยคำหยาบในช่วงพักครึ่ง เหตุเพราะทัพ "เสือใต้" เล่นกันได้เชื่องช้าเกินไป แต่เผย รู้สึกพอใจแล้วกับผลการแข่งขันแบบนี้
ไฮย์เกส เทรนเนอร์คนเก่งของ บาเยิร์น มิวนิค เปิดเผยว่า ตนมีการตะโกนด่าลูกทีมอย่างหนัก ในช่วงพักครึ่งของเกม บุนเดสลีกา เยอรมัน นัดที่ทัพ "เสือใต้" บุกไปคว้าชัยเหนือ แวร์เดอร์ เบรเมน ได้ถึงถิ่น เวเซอร์ สตาดิโอน ด้วยสกอร์ 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา
แมตช์นี้กว่าทีมเยือนจะมาได้ประตูขึ้นนำก็ต้องรอถึงนาทีที่ 81 ซึ่งคนที่ทำได้ก็คือ หลุยส์ กุสตาโว่ ก่อนที่พวกเขาจะมาได้ประตูตอกฝาโลงฝังเจ้าถิ่นจาก มาริโอ มานด์ซูคิช ในอีก 2 นาทีต่อมา ทำให้จบเกมเป็น บาเยิร์น ที่คว้า 3 คะแนนกลับไปได้ พร้อมรั้งตำแหน่งจ่าฝูงเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยการเก็บได้ 18 แต้มเต็ม จากการลงเล่น 6 นัด ขณะเดียวกัน นี่ก็ทำให้ "เสือใต้" ซิวชัยชนะได้ครบทั้ง 9 นัด จากการลงเล่นในทุกรายการของซีซั่นนี้ด้วย
"ในครึ่งแรกเราเล่นกันอืดอาดมาก บรรดานักเตะทำการทดสอบความอดทนของผมมากไปนิดหน่อย แต่ท้ายที่สุดแล้ว การเอาชนะทีมที่แข็งแกร่งอย่าง เบรเมน ได้ก็เป็นสิ่งที่เพียงพอแล้วล่ะ ทว่าในตอนพักครึ่งนี่ผมก็ใช้คำหยาบไปหลายคำเหมือนกันนะ" กุนซือวัย 67 กะรัต เผย โดยนัดต่อไปของ บาเยิร์น จะเป็นการบุกไปเยือน บาเต้ โบริซอฟ ทีมดังของลีกเบลารุส ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ วันอังคารที่ 2 ตุลาคมนี้
อ็อตต์มาร์ ฮิทซ์เฟลด์ กุนซือวัยเก๋าของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ เชื่อ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค มีโอกาสทำผลงานล้มล้างความผิดหวังเมื่อซีซั่นก่อน ด้วยการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมถึง บุนเดสลีกา หลังจากพวกเขากำลังระเบิดฟอร์มเก่งออกมาอย่างต่อเนื่องในเวลานี้
อ็อตต์มาร์ ฮิทซ์เฟลด์ เทรนเนอร์ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ออกมาแสดงทัศนะว่า บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่ศึกบุนเดสลีกา เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2012-2013 รวมถึงมีศักยภาพเพียงพอที่จะทวงบัลลังก์แชมป์ลีกเมืองเบียร์จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อีกด้วย
ฮิทซ์เฟลด์ ที่เคยกุมบังเหียน บาเยิร์น 2 สมัยในช่วงปี 1998-2004 และ 2007-2008 คาดหวังให้ทีม "เสือใต้" ระเบิดฟอร์มเก่งชดเชยความผิดหวังที่อกหักได้แค่เพียงรองแชมป์ถึง 3 รายการเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ด้วยการคว้าโทรฟี่แชมป์มาประดับสโมสรในช่วงจบซีซั่นนี้
"ผมคิดว่า บาเยิร์น เป็นทีมเต็งในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาจะคว้าแชมป์บุนเดสลีกาในฤดูกาลนี้ได้ด้วย พวกเขามีขุมกำลังที่แข็งแกร่ง บาเยิร์น สามารชนะมากกว่าที่ทำได้ในฤดูกาลที่แล้ว 5-10 เปอร์เซ็นต์ ความฉลาดในการเล่นของ (บาสเตียน) ชไวน์สไตเกอร์ ก็อยู่ในระดับสูงสุด เขาเป็นศูนย์รวมจิตใจของทีม และอยู่กับทีมที่ดีที่สุดในโลก" ฮิทซ์เฟลด์ กล่าว
พร้อมกันนี้ นายใหญ่วัย 63 ปี ออกปากชื่นชม จุ๊ปป์ ไฮย์เกส กุนซือบาเยิร์น สำหรับการพาทีมคว้าชัย 6 นัดรวดในลีก และรักษาตำแหน่งจ่าฝูงไว้ได้อย่างเหนียวแน่น "ไม่มีใครทำได้ดีกว่า ไฮย์เกส เลยในเวลานี้ ผมแน่ใจเลยว่าเขาจะได้อยู่กับพวกเขาต่อไปในปีหน้า"
ทีมยุโรป "แชมป์เก่า" พลิกกลับมาชนะในการตีวันสุดท้ายแบบซิงเกิลแมตช์เพลย์ 8 ครึ่ง ต่อ 3 ครึ่ง สกอร์รวมสามวันเอาชนะเจ้าภาพสหรัฐฯ 14 ครึ่ง ต่อ 13 ครึ่ง ป้องกันแชมป์ไรเดอร์ คัพ ครั้งที่ 39 ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อช่วงเช้ามืดของวันจันทร์ที่ 1 ต.ค. ได้สำเร็จ
ศึกกอล์ฟประเภททีมระหว่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป ไรเดอร์ คัพ ครั้งที่ 39 ณ สนามเมดินาห์ คันทรี คลับ ระยะ 6,713 หลา พาร์ 71 เมืองเมดินาห์ รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 ก.ย. เป็นการแข่งวันสุดท้าย ประกบคู่ดวลแมตช์เพลย์ตัวต่อตัวแบบพบกันหมด
ผลปรากฏว่า ทีมยุโรปภายใต้การนำของ โฆเซ มาเรีย โอลาซาบัล กัปตันทีมชาวสเปน พลิกกลับมาชนะในประเภทนี้ 8 ครึ่ง ต่อ 3 ครึ่ง สกอร์รวมทั้งสามวันเอาชนะไป 14 ครึ่ง ต่อ 13 ครึ่ง ป้องกันแชมป์ ไรเดอร์ คัพหนนี้เอาไว้ได้อย่างยิ่งใหญ่ เป็นแชมป์สมัยที่ 5 ในรอบ 6 ปีหลัง
โดยออกสตาร์ท 5 คู่แรก ทีมสหรัฐฯ มาแบบผิดฟอร์มพ่ายไปก่อนทั้งหมดไล่ตั้งแต่ บับบ้า วัตสัน แพ้ ลุก โดนัลด์ 2 และ 1 (นำ 2 อัพเหลือ 1 หลุม), เว็บบ์ ซิมพ์สัน แพ้ เอียน โพลเตอร์ 2 ดาวน์, คีแกน แบรดลีย์ แพ้ รอรีย์ แม็คอิลรอย 2 และ 1, ฟิล มิคเคลสัน แพ้ จัสติน โรส 1 ดาวน์ และ แบรนด์ท สนีเดเกอร์ แพ้ให้กับ พอล ลอว์รี 5 และ 3 ทำให้ฝั่งยุโรปที่ตามอยู่ใน 2 วันแรกพลิกนำ 11-10
จากนั้นอีก 5 คู่ เป็นทีมลุงแซมชนะ 3 และ แพ้ 2 โดย ดัสติน จอห์นสัน เปิดหัวชนะ นิโคลัส โคลแซร์ตส์ 3 และ 2, แซ็ค จอห์นสัน ชนะ แกรม แม็คดาวล์ 2 และ 1 ก่อนจะมามีจุดเปลี่ยนเล็กๆ ที่ จิม ฟิวริก แพ้ เซร์คิโอ การ์เซีย ไป 1 ดาวน์ ความได้เปรียบกลับมาอยู่ที่ฝั่งยุโรปก่อน เจสัน ดัฟเนอร์ เอาชนะ ปีเตอร์ ฮานสัน 2 อัพ และ แมตต์ คูชาร์ มาพ่ายต่อ ลี เวสวูดส์ 3 และ 2 ทำให้คะแนนรวมกลับมาเท่ากันที่ 13-13 ก่อนที่ 2 คู่สุดท้ายจะตีจบ
ไฮไลท์ที่คู่สุดท้าย มาร์ติน คายเมอร์ เล่นหลุมสุดท้ายสกอร์นำ สตีฟ สตริคเกอร์ อยู่ 1 อัพ และเซฟพาร์ได้สำเร็จ คว้าแต้มสำคัญให้ทีมยุโรปนำ 14-13 สามารถป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ตามกฏของแชมป์เก่าโดยไม่ต้องสนใจผลคู่สุดท้ายของ ไทเกอร์ วูดส์ ที่นำ ฟรานเชสโก้ โมลินารี อยู่ 1 อัพ ก่อน "พญาเสือ" จะชิพเข้ามาลุ้นพัตต์เซฟพาร์ทำแต้มไล่ตีเสมอ ทว่าด้วยความกดดันพัตต์ 5 ฟุตไม่ลงดื้อๆ ยอมจับมือแบ่งแต้มกับโปรรุ่นน้องไป
สำหรับการแข่ง ไรเดอร์ คัพ ครั้งที่ 40 จะกลับมาแข่งอีกครั้งในอีก 2 ปี ข้างหน้า โดยเป็นคิวของทีมยุโรปรับเป็นเจ้าภาพ ณ สนาม กลีเนเกิลส์ โฮเตล ในบ่ายเพิร์ทเชียร์ ประเทศสกอตแลนด์ ช่วงระหว่างวันที่ 26-28 ก.ย. ปี 2014
