บดินทร์ อิสระ และ มณีพงศ์ จงจิตร 2นักขนไก่ชายคู่นำทีมนักแบดมินตันทีมชาติไทย ลุยศึกเวียตนามโอเพ่น กรังด์ปรีซ์ โกลด์ 2012 เพื่อเก็บคะแนนสะสมขยับอันดับโลกโดยจะแข่งขัน ระหว่างวันที่ 20-26 ส.ค. นี้
บดินทร์ อิสระ ควงคู่ มณีพงศ์ จงจิตร เริ่มต้นออกตระเวนแข่งขัน เวียดนามโอเพ่น กรังด์ปรีซ์ โกลด์ 2012 เพื่อเก็บคะแนนสะสมขยับอันดับโลกทันที หลังจากทำผลงานได้สุดยอดผ่านเข้าถึงรอบ 8 คู่สุดท้ายในศึกโอลิมปิก ลอนดอนเกมส์
นอกจากนั้นยังมีนักกีฬาชื่อดังอีกหลายคน อาทิ พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข, สลักจิต พลสนะ, ทรงพล อนุกฤตยาวรรณ รวมไปถึง "เจ้าโอ๊ต" สิทธิคมน์ ธรรมศิลป์ ที่เพิ่งคว้าแชมป์ชายเดี่ยวจากการแข่งขันแบดมินตันรายการ "หลี่หนิง สิงคโปร์ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ 2012" ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
สำหรับการแข่งขัน "โยเน็กซ์ ซันไรส์ เวียดนาม โอเพ่น กรังด์ปรีซ์ โกลด์ 2012" ที่กรุงโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 20-26 ส.ค. 55 ซึ่งจะมีนักกีฬาดาวรุ่งของไทยพาเหรดเข้าร่วมลงสนามแข่งขันจำนวนมาก
ล่าสุดสายการแข่งขันที่น่าสนใจของนักกีฬาจากไทยมีดังนี้ ชายเดี่ยว ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข มือวาง 9 ของรายการรอบแรกพบกับ เคนโตะ โมโมตะ จากญี่ปุ่น, สัพพัญญู อวิหิงสานนท์ รอบแรกรอพบมือควอลิฟาย, ภควัฒน์ วิไลลักษณ์ พบกับมือวาง 12 โมฮัมเม็ด อับดุลลาทีฟ จากมาเลเซีย
พิสิษฐ์ พูดฉลาด พบกับ หว่อง ชุนฮัน จากมาเลเซีย,สิทธิคมน์ ธรรมศิลป์ พบกับ โมฮัมเม็ด มิสบัน จากมาเลเซีย, โฆษิต เพชรประดับ พบกับ ยูลี พราเซทโต จากอินโดนีเซีย นอกจากนั้นยังมีนักกีฬาดาวรุ่งที่ต้องลงสนามในรอบควอลิฟายอีกหลายคน อาทิ วศิน นิลหยก, ศิริวัฒน์ มาตยานุมัต, ปริญญวัฒน์ ทองน่วม, ปัณณวิทย์ ทองน่วม, วรุฒ ตั้งมนัสตรง, กฤษฏ์ณัฎฐ์ แง้เจริญกุล
หญิงเดี่ยว "น้องพีท" พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข ถูกจัดให้เป็นมือวาง 1 ของรายการรอบแรกพบกับ ลิเดีย ลิย่า จากมาเลเซีย, ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ถูกจัดให้เป็นมือวาง 4 ของรายการรอบแรกพบกับ ซานาตาชา ซานีรู จากมาเลเซีย,สลักจิต พลสนะ รอบแรกรอพบกับมือควอลิฟาย
ณิชชาอร จินดาพล พบกับ คาโอริ อิมาเบะ จากญี่ปุ่น, บุศนันท์ อึ้งบำรุงพันธุ์ พบกับ ฟู มิงเทียน มือวาง 3 ของรายการจากสิงคโปร์ นอกจากนั้นยังมีนักกีฬาดาวรุ่งที่ต้องลงสนามในรอบควอลิฟาย อาทิ รวินดา ประจงใจ กับ ฤทัยชนก ไล้สวน
ชายคู่ บดินทร์ อิสระ ควงคู่ มณีพงศ์ จงจิตร ถูกจัดให้เป็นมือวาง 2 ของรายการ รอบแรกรอพบกับมือควอลิฟาย, ปฏิพัทธ์ ฉลาดแฉลม กับ นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร พบกับ เชง ชุนอิน กับ วู เชียะบิน จากไทเป ส่วนคู่ของ ทรงพล อนุกฤตยาวรรณ กับ ฐิติพงศ์ ลาโพธิ์, วสพล อุตมัง กับ สุวัฒน์ ไพศาลสมสุข, เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ กิตตินุพงศ์ เกตุเรน ต้องลงสนามในรอบควอลิฟาย
หญิงคู่ สาวิตรี อมิตรพ่าย กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย พบกับ ริสกี้ แดนดินี่ กับ เดลล่า แฮริส มือวาง 7 ของรายการจากอินโดฯ, พัชร์ณัฎฐ์ กระจ่างจิต กับ ณริฎษาพัชร แลม พบกับ อมิเลีย อลิเซีย กับ ซุง ฟิชุ จากมาเลเซีย, พีรยา มั่นกิจอมร กับ สลักจิต พลสนะ พบกับ โคมาลา เดวี กับ เจนน่า โกซาลี จากอินโดนีเซีย
ชญานิษฐ์ ฉลาดแฉลม กับ อาทิมา เสรีธรรมรักษ์ พบกับ อายะ ชิโมซากิ กับ อิมิ โมเอะ จากญี่ปุ่น, รจนา จุลทบัณฑิตกุล กับ ชนิดา จุลรัตนมณี พบกับ เปียร์ เบอร์นาเดท กับ ริสกี้ พราดิน่า จากอินโดนีเซีย, พัชรกมล อากรสกุล กับ จงกลพันธ์ กิติธรากุล พบกับ ยุง ซันฮุน กับ หว่า เชาฮุ้ย จากฮ่องกง ส่วนคู่ของ ภัทรภร จินดาพล กับ พิจิตรจันทร์ หวังไพบูลย์กิจ ต้องลงสนามในรอบควอลิฟาย
คู่ผสม มณีพงศ์ จงจิตร กับ สาวิตรี อมิตรพ่าย ถูกจัดให้เป็นคู่มือวาง 1 ของรายการรอบแรกพบกับ ตัน ยิปจวน กับ ชอง ซุกชิน จากมาเลเซีย, ทรงพล อนุกฤตยาวรรณ กับ ณริฎษาพัชร แลม พบกับ หลิว ยี่ กับ ถัง จิงจิง จากสิงค์โปร์, ฐิติพงศ์ ลาโพธิ์ กับ พีรยา มั่นกิจอมร พบกับ ซู จิงยี่ กับ ไล่ เชียะเว่น จากไทเป
นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร กับ รวินดา ประจงใจ พบกับ คัง จีวุค กับ อึม ฮุนวอน จากเกาหลี, วศิน นิลหยก กับ ชญานิษฐ์ ฉลาดแฉลม พบกับ ตัน เอ็งกวง กับ ไล่ เพ่ยจิง จากมาเลเซีย ส่วนคู่ของ วสพล อุตมัง กับ รวินดา ประจงใจ, ศิริวัฒน์ มาตยานุมัต กับ อาทิมา เสรีธรรมรักษ์, ปฏิพัทธ์ ฉลาดแฉลม กับ จงกลพันธ์ กิติธรากุล, พุทธพร บวรวัฒนุวงศ์ กับ ฤทัยชนก ไล้สวน, วรรณวัฒน์ อำพันสุวรรณ กับ พุธิตา สุภจิรกุล ต้องลงสนามในรอบควอลิฟาย
กอล์ฟ พีจีเอ ทัวร์ รายการ "วินด์แฮม แชมเปียนชิป" รอบสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แข่งกันไม่จบและต้องเลื่อนไปแข่งต่อในวันจันทร์ที่ 20 ส.ค. นี้ โดย เซร์คิโอ การ์เซีย โปรชาวสเปนยังนำอยู่ที่ 15 อันเดอร์พาร์
ศึกกอล์ฟ พีจีเอ ทัวร์ รายการ "วินด์แฮม แชมเปียนชิป" ชิงเงินรางวัลรวม 5.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 156 ล้านบาท) ที่สนามเซดจ์ฟิลด์ คันทรี คลับ ระยะ 7,130 หลา พาร์ 70 ณ เมืองกรีนส์โบโร มลรัฐนอร์ธ แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา เป็นการลงดวลวงสวิงรอบสุดท้าย
ปรากฏว่า ในวันนี้มีผลกระหน่ำลงมาอย่างหนักจนฝ่ายจัดการแข่งขันต้องตัดสินใจหยุดพักการแข่งและเลื่อนไปก่อน โดยผู้นำในวันนี้ยังคงเป็น เซร์คิโอ การ์เซีย โปรแดนกระทิงดุ ที่เล่นจบไป 4 หลุม ทำเพิ่ม 1 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ ตามมาด้วย ทิม คลาก (แอฟริกาใต้), เจสัน ดัฟเนอร์ (สหรัฐฯ) และ บัด เคาลีย์ (สหรัฐฯ) โดยมีสกอร์รวมเท่ากัน ที่ -14
ในขณะที่บรรดาโปรดังรายอื่นๆ เดวิส เลิฟ เดอะเธิร์ด กัปตันทีมไรเดอร์คัพ สหรัฐฯ จบ 7 หลุม ไม่ได้ไม่เสียเพิ่มทำอีเวนท์พาร์ สกอร์รวม 11 อันเดอร์พาร์ รั้งที่ 9 ร่วม ส่วน เวบบ์ ซิมพ์สัน "แชมป์เก่า เล่นไป10 หลุมสกอร์อีเวนท์พาร์เช่นกัน สกอร์รวมตามหลัง เลิฟ 1 สโตรก อยู่ที่ 17 ร่วม
ทั้งนี้ ฝ่ายจัดการแข่งขันได้กำหนดให้ นักกอล์ฟที่แข่งไม่จบกลับมาแข่งกันต่อรอบสุดท้าย เพื่อตัดสินแชมป์ในวันจันทร์ที่ 20 ส.ค. โดนจะเริ่มออกรอบกันในเวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
โฆเซ่ มาเรีย โอโรบิทจ์ ตัวแทนของ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ประกาศว่า กุนซือชาวสเปน ไม่สนจะรับงานคุมทีมชาติบราซิลแม้แต่น้อย รวมทั้งไม่เคยได้รับการติดต่อเข้ามาอีกด้วย
ช่วงที่ผ่านมา แฟนบอลของ บราซิล ได้ก่อตั้งกลุ่มในโลกออนไลน์ เพื่อเรียกร้องให้มีการนำ กวาร์ดิโอล่า มาคุมทีมชาติของพวกเขาแทน มาโน่ เมเนเซส เทรนเนอร์คนปัจจุบันของ "เซเลเซา" ที่โดนวิจารณ์อย่างหนักสำหรับสไตล์การเล่นของทีม รวมถึงทำผลงานได้น่าผิดหวัง ด้วยการได้เพียงเหรียญเงิน ในการแข่งฟุตบอลชายของศึก โอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นเจ้าภาพ เท่านั้น
ขณะเดียวกัน สื่อของแดนกาแฟก็เริ่มตั้งคำถามว่า เมเนเซส เหมาะสมกับตำแหน่งนายใหญ่ของทีมแชมป์ฟุตบอลโลก 5 สมัยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ซีบีเอฟ ยังไม่แสดงความตั้งใจใดๆ ก็ตาม ที่จะเปลี่ยนกุนซือของทีม ก่อนถึงศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ บราซิล จะรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ ซึ่งล่าสุด เอเยนต์ของ กวาร์ดิโอล่า ก็ยืนยันว่า "เป๊ป" ไม่สนไปรับงานกุมบังเหียน "เซเลเซา" เช่นกัน
"ผมไม่เคยได้รับการติดต่อใดๆ จากทาง ซีบีเอฟ เลยนะ ผมพูดคุยกับ เป๊ป อยู่บ่อยๆ และเขาก็แนะนำผมว่า อย่าไปเจรจากับใครก็ตามที่สนใจจะจ้างเขา ดังนั้นผมขอปฏิเสธทุกข่าวลือที่เกิดขึ้น" โอโรบิทจ์ เผยกับ "แลนซ์" สื่อกีฬาของแดนกาแฟ เมื่อวันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ตัวแทนของอดีตนายใหญ่ "เจ้าบุญทุ่ม" เสริมด้วยว่า "เป๊ป" ไม่ค่อยมีความสนใจที่จะรับงานในระดับทีมชาติสักเท่าไหร่ "มันค่อนข้างเป็นเรื่องยาก หากจะพูดถึงเกี่ยวกับอนาคต แต่ผมไม่คิดว่า เป๊ป จะอยากได้งานคุม บราซิล หรือไปเป็นกุนซือของทีมชาติไหนๆ ก็ตามหรอกนะ เขาชอบฟุตบอลในระดับทวีปยุโรปมากๆ โดยเฉพาะในระดับสโมสร"
บิเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือมากประสบการณ์ทีมชาติสเปน ออกโรงแนะ บาเยิร์น มิวนิค ให้รีบดำเนินการคว้าตัว ฆาบี มาร์ติเนซ กองกลางตัวเก่งของ แอธเลติก บิลเบา มาร่วมทีม เนื่องจากเชื่อว่าทัพ "เสือใต้" จะได้สนุกกับความสารพัดประโยชน์และฝีเท้าอันยอดเยี่ยมของเขาอย่างแน่นอน
บิเซนเต้ เดล บอสเก้ เทรนเนอร์ทีมชาติสเปน ออกมายืนยันว่า ฆาบี มาร์ติเนซ มิดฟิลด์เลือดกระทิงของ แอธเลติก บิลเบา สโมสรดังศึกลา ลีกา จะประสบความสำเร็จในการค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่เวทีบุนเดสลีกา อย่างแน่นอน ถ้าหากว่า "เสือใต้" ยอมทุ่ม 40 ล้านยูโร (ราว 1,600 ล้านบาท) เพื่อคว้าเจ้าตัวไปเสริมทัพในซัมเมอร์นี้
เดล บอสเก้ ที่เรียกตัว มาร์ติเนซ ติดทีมชาติสเปนไปแข่งขันใน ฟุตบอลโลก 2010 และ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 ออกมากล่าวชื่นชมในฝีเท้าของดาวเตะวัย 23 ปี ที่ความสารพัดประโยชน์ของเจ้าตัวสร้างประโยชน์ต่อต้นสังกัดและทีมชาติเป็นอย่างยิ่ง
กุนซือทัพ "กระทิงดุ" กล่าวกับ บิลด์ แท็บลอยด์ดังเมืองเบียร์ ว่า "ฆาบี มาร์ติเนซ เป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบที่สามารถเล่นได้ในทุกบทบาทที่ต้องการในสนาม ผมพูดได้แค่ว่า บาเยิร์น จะสนุกแน่ถ้าได้ตัวเขาไป เขาเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ เปรียบเทียบได้ดีที่สุดกับ ปาทริค วิเอร่า (อดีตกองกลางทีมชาติฝรั่งเศส) ในแง่ของการเล่นแบบครอบคลุมพื้นที่และสามารถแก้ปัญหามิดฟิลด์ตัวรับของทุกทีมได้"
"ผมทำได้แค่แสดงความยินดีกับ บาเยิร์น ถ้าเกิดว่าพวกเขาจัดการคว้าตัวเขามาร่วมทีมได้สำเร็จ มันไม่ใช่ว่า แอธเลติก บิลเบา จะขายเขาออกไป แต่เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับท็อปได้ใน เยอรมนี เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมและเป็นคนที่นิสัยดีจริงๆ" เดล บอสเก้ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ดูเหมือนว่า บาเยิร์น กำลังประสบความสำเร็จในการคว้าตัว มาร์ติเนซ มาร่วมทัพ จากการตามไล่ล่าตัวมาตลอดทั้งซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า เทรนเนอร์ บิลเบา ตัดชื่อเจ้าตัวออกจากทีมในเกมที่จะพบกับ เรอัล เบติส ในนัดเปิดสนามลา ลีกา วันอาทิตย์ที่ 19 ส.ค. นี้
มานูเอล เปเยกรินี่ กุนซือ มาลาก้า ยอมรับแต่โดยดีว่าทีมของตัวเองโชคดีที่บุกไปชนะ เซลต้า บีโก้ น้องใหม่ลา ลีกา ในนัดเปิดสนามซีซั่นใหม่ อย่างโชคช่วยสุดๆ 1-0 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา รับหากได้ผลเสมอก็คงดูยุติธรรมเช่นกัน
เปเยกรินี่ ยอมรับว่าทีมของตนโชคดีที่สามารถคว้าชัยชนะในเกมที่บุกไปเยือน เซลต้า บีโก้ น้องใหม่แห่งลีกสูงสุดแดนกระทิง 1-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา
ทีมดังจากแคว้นอันดาลูเชีย เบียดเอาชนะ บีโก้ จากลูกยิงประตูชัยในช่วงท้ายเกมของ ฟาบริซ โอลินก้า หัวหอกดาวรุ่งตัวสำรองชาวแคเมอรูน วัย 16 ปี จนทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในเวทีลา ลีกา ได้ด้วย
เปเยกรินี่ ยอมรับหลังเกมการแข่งขันว่าเขาหวังที่จะได้เพียง 1 คะแนน จากการที่ทั้งสองฝ่ายต่างทำผลงานได้เยี่ยมไม่แพ้กัน โดยกล่าวว่า "เราโชคดีพอที่คว้าชัยชนะมาได้ ขณะที่ผลเสมอในเกมดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ไม่ยุติธรรมสักหน่อย"
มาลาก้า กำลังประสบปัญหารบกวนมากมายจากความยากลำบากทางด้านการเงินของสโมสร แต่ เปเยกรินี่ เชื่อว่าทีมของตนจัดการกับสิ่งเหล่านี้รวมไปถึงการที่ดาวดังหลายคนออกจากทีมไปได้อย่างดี โดยเสริมว่า "ทีมของเราได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมา แต่มันทำให้พวกเขาแข็งแกร่งทั้งจิตวิญญาณและสภาพจิตใจ"
มาลาก้า จะลงสนามนัดต่อไปในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบเพลย์ออฟ กับ พานาธิไนกอส ทีมแกร่งจากกรีซ ในวันพุธที่ 22 สิงหาคมนี้
โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ เรอัล มาดริดยืนยันว่าเขาเตรียมปล่อยนูริ ซาฮินมิดฟิลด์สำรองอดทนออกจากทีมแบบยืมตัวทว่าจะไม่ขายขาดอย่างแน่นอน
ทั้งอาร์เซน่อลและลิเวอร์พูล สองทีมพี่บิ๊กจากพรีเมียร์ชิพกำลังให้ความสนใจในตัวของดาวเตะวัย 23 ปีอยู่และยังไม่รู้ว่าท้ายที่สุดเขาจะไปลงเอยกับทีมใด
ด้านมูรินโญ่หวังให้นักเตะย้ายไปแอนฟิลด์เพื่อร่วมงานกับอดีตทีมงานของเขาสมัยคุมทีมเชลซีอย่างเบรนแดน รอดเจอร์สแต่ตัวนักเตะเองอยากย้ายไปอยู่กับอาร์แซน เวนเกอร์ที่อาร์เซน่อลมากกว่าเนื่องจากได้ลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก
ทั้งนี้อนาคตของมิดฟิลด์ชาวเติร์กจะได้รับการตัดสินในสัปดาห์หน้าแต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มูรินโญ่ก็ยืนยันว่าเขาจะไม่ถูกขายออกไปอย่างแน่นอนที่สุด
"สิ่งสำคัญคือนักเตะมีความสุขและมีความเชื่อมั่น"มูรินโญ่กล่าว
"เขามีฤดูกาลที่ยากลำบากเพราะอาการบาดเจ็บและมันก็มีทีมที่เล่นได้ดีซึ่งคว้าชัยชนะได้ด้วย นักเตะที่เล่นในตำแหน่งเดียวกับเขาก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม"
"เพื่อความสุขและความเชื่อมั่นของเขา เขาอาจต้องย้ายออกไปชั่วคราวหากมันจะเป็นประโยชน์สำหรับเขาและสโมสร"
"แต่เรอัล มาดริดจะไม่ขายขาดหรอกนะ"
ปัจจุบันซาฮินเหลือสัญญาในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาบิวถึงปี 2017 หลังเพิ่งย้ายมาจาก"เสือเหลือง"โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว
เมซุต โอซิล มิดฟิลด์ตัวเก่ง เรอัล มาดริด ประกาศเป้าหมายหลักฤดูกาลนี้คือการคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากช่วยสโมสรคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ และ ลา ลีกา มาแล้วในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา
เพลย์เมกเกอร์วัย 23 ปี กลายเป็นตัวหลักของทัพ "ราชันชุดขาว" ตั้งแต่ย้ายจาก แวร์เดอร์ เบรเมน มาเมื่อปี 2010 และต้องการประสบความสำเร็จในทุกรายการ โดยกล่าวกับ บิลด์ หนังสือพิมพ์เมืองเบียร์ ว่า "เป้าหมายที่ มาดริด ยังเหมือนเดิมเสมอ คือการคว้าถ้วยแชมป์ให้มากที่สุด ทั้งคู่ (ลา ลีกา และ แชมเปี้ยนส์ ลีก) เป็นสิ่งสำคัญ แต่ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นรายการที่ผมยังไม่เคยได้แชมป์"
"นี่เป็นฤดูกาลที่ 3 ของผมกับ เรอัล มาดริด ตอนผมย้ายมา แทบไม่มีใครคิดว่าผมจะทำได้อย่างที่ผมทำมาจนถึงตอนนี้ ตอนนี้ผมคว้าแชมป์ลีกกับบอลถ้วยไปแล้ว ผมมั่นใจว่าก้าวต่อไปจะมาแน่นอน การคว้าแชมป์ลีกฤดูกาลก่อนทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น เราได้รับการเตรียมพร้อม" ดาวเตะทีมชาติเยอรมนี กล่าว
ทั้งนี้ มาดริด คว้าแชมป์ลีกแดนกระทิงดุได้ในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่โดน บาร์เซโลน่า เขี่ยตกรอบถ้วยโกปา เดล เรย์ ส่วนใน แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาพ่ายแพ้ต่อ บาเยิร์น มิวนิค ในรอบรองชนะเลิศ
ฟลาเมงโก้ ทีมดีงแดนแซมบ้า มีข่าวเตรียมฉุดอาเดรียโน่ หัวหอกจอมเกเร ให้กลับคืนสนามอีกครั้งหนึ่ง โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องเรียกความฟิตกลับมา และจะจ่ายค่าเหนื่อยให้ต่อเมื่อได้ลงเตะเท่านั้น
อดีตกองหน้าทีมชาติบราซิลมีปัญหาในทีมโครินเธียนส์ จนต้องกลายเป็นเจ้าไม่มีศาลอยู่ในเวลานี้ จากความประพฤติที่ไม่ค่อยจะดีนักทำให้ยังไม่มีสโมสรไหนติดต่อให้มาสังกัด
อย่างไรก็ตามฟลาเมงโก้อดีตทีมของอาเดรียโน่ในสมัยที่เป็นเด็กฝึกนั้นก็อาจจะทำให้เขากลับสู่ฟลอร์หญ้าอีกครั้งโดยมีความคิดจะยื่นข้อเสนอ"จ่ายต่อเมื่อลงสนาม"ให้
"ยังมีที่ว่างให้อาเดรียโน่นะหากเขาอยากจะมาช่วยเรา"ดอร์ริวัล จูเนียร์โค้ชของฟลาเมงโก้บอกกับโกลโบสปอร์ต
"ก่อนอื่นเลยอาเดรียโน่จะต้องตกลงข้อเสนอกับทางผู้อำนวยการก่อนแล้วก็เคารพสัญญาด้วย"
ด้านปาทริเชีย อโมริมประธานของฟลาเมงโก้ก็บอกว่า "หลายสิ่งกำลังไปได้สวยนะ"
เมื่อถามถึงการฟื้นฟูจากการผ่าเข่าของอาเดรียโน่ท่าประธานก็บอกว่า ”หากเขาฟื้นสภาพร่างกายจนได้น่าพอใจ การตัดสินใจเรื่องเซ็นสัญญาเขาจะเกิดขึ้นเมื่อเขากลับสู่สภาพความฟิตเต็มถังเท่านั้น"
"ไมเคิล เฟลป์ส" ยอดฉลามหนุ่มทีมชาติสหรัฐฯ งานเข้า อาจถูกริบเหรียญโอลิมปิกย้อนหลัง จากที่มีภาพโฆษณาให้แบรนด์ "หลุยส์ วิตตอง" หลุดออกมา ผิดกฎของของไอโอซี ที่ห้ามนักกีฬาโปรโมตผลิตภัณฑ์ชนิดใดๆ ทั้งสิ้น ระหว่างช่วงโอลิมปิกเกมส์ 201
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ไมเคิล เฟลป์ส ยอดฉลามหนุ่มทีมชาติสหรัฐฯ เจ้าของสถิติครองเหรียญโอลิมปิกมากที่สุดตลอดกาลที่จำนวน 22 เหรียญ อาจมีสิทธิ์งานเข้าย้อนหลัง แม้จะประกาศอำลาสระเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังมีภาพหลุดที่เจ้าตัวถ่ายแบบเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ "หลุยส์ วิตตอง" ออกมาทางอินเทอร์เน็ต ช่วงระหว่างการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2012 "ลอนดอนเกมส์" ซึ่งเพิ่งจบการแข่งขันไปเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา
โดยการกระทำของ เฟลป์ส อาจเข้าข่ายผิดกฎของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ "ไอโอซี" ที่สั่งห้ามไม่ให้นักกีฬาโปรโมตผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนของโอลิมปิก ตั้งแต่ระหว่างวันที่ 18 ก.ค.-15 ส.ค. โดยบทลงโทษมีตั้งแต่สั่งปรับเงิน ไปจนขั้นสูงสุดคือ สั่งริบเหรียญรางวัลเลยทีเดียว
ด้าน ปีเตอร์ คาร์ไลส์ ตัวแทนของ เฟลป์ส โร่ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวทันที โดยยืนยันว่า เฟลป์ส ไม่ได้เป็นผู้อนุญาตใช้ภาพโฆษณาดังกล่าวระหว่างการแข่งขัน แต่ภาพกลับหลุดออกมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจ รวมถึงอ้างด้วยว่า โอลิมปิกครั้งที่ผ่านมานั้นมีโฆษณามากมายที่ใช้นักกีฬาในการโฆษณา ทั้งที่ตัวนักกีฬาเองนั้นก็ไม่ได้รับทราบด้วยแต่อย่างใด
ขณะที่ทาง หลุยส์ วิตตอง ได้ออกโรงปฏิเสธเช่นกันว่า ไม่ได้เป็นฝ่ายที่ปล่อยภาพหลุดโฆษณาของ เฟลป์ส ออกมา รวมถึงได้มีความตั้งใจที่จะเปิดตัวโฆษณาดังกล่าวนี้ครั้งแรกในวันที่ 16 ส.ค. เมื่อพ้นกำหนดของไอโอซีไปแล้ว
เผยเรื่องราวสุดดราม่าของ "โม ฟาราห์" ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกของสหราชอาณาจักร ว่า มีฝาแฝดอยู่ที่ประเทศโซมาเลีย หลังต้องพลัดพรากกันตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เพราะสงครามกลางเมือง เผยชีวิตต่างกันสุดขั้ว ขณะที่อีกคนหนึ่งต้องอยู่อย่างแร้นแค้น แต่อีกคนสามารถไต่เต้าขึ้นมาจนกลายเป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงได้สำเร็จ
เว็บไซต์ "เดลีเมล์" รายงานเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ตีแผ่ชีวิตสุดดราม่าของ โม ฟาราห์ นักวิ่งระยะไกลฮีโร่ 2 เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2012 ของสหราชอาณาจักร เมื่อพบมีฝาแฝดชื่อว่า ฮัสซัน ฟาราห์ อยู่ที่ประเทศบ้านเกิดโซมาเลีย จากที่ทั้งคู่พลัดพรากจากกันเมื่อตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ จากเหตุสงครามกลางเมืองของโซมาเลีย หลังลูกๆ ของครอบครัวฟาราห์ 3 จากทั้งหมด 6 คน ติดตามผู้เป็นพ่อย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า แต่อีก 3 คนที่เหลือกลับต้องอยู่อย่างแร้นแค้นที่โซมาเลีย
โดย ฮัสซัน ฟาราห์ เปิดใจผ่านเดลีเมล์ ถึงการต้องแยกทางกับ โม ฟาราห์ ฝาแฝด ก่อนที่ฝ่ายหลังจะไต่เต้าขึ้นเป็นนักกีฬาชื่อเสียงได้สำเร็จว่า ทั้งคู่เคยมีความผูกพันใกล้ชิดกันอย่างมาก แม้ฝ่าย โม จะไม่ค่อยเปิดเผยถึงชีวิตส่วนตัว และครอบครัวที่โซมาเลียมากนักก็ตาม โดยทั้งคู่ต่างเคยกินข้าวในจานเดียวกัน, นอนเตียงเดียวกัน, เรียนและเล่นที่เดียวกัน พร้อมยืนยันว่า เขาไม่เคยอิจฉาหรือขุ่นเคืองในวาสนาของฝาแฝดอีกคนแต่อย่างใด
"เราทำทุกอย่างร่วมกัน เราเป็นเงาของกันและกัน เรามีความรักที่พิเศษที่ฝาแฝดมีให้กัน แตกต่างจากแค่พี่น้องธรรมดาทั่วไป แต่ก็เหมือนครอบครัวชาวโซมาเลียอื่นๆ ที่หลายครอบครัวต้องพลัดพรากกันเพราะสงคราม แต่กรณีของผมมันยิ่งกว่า เพราะผมเสียครึ่งหนึ่งของตัวเองไป เสียฝาแฝดของผมไป ทุกวันนี้ผมยังเหลือพื้นที่ในใจไว้ให้เขา มันเป็นพื้นที่ว่างที่ไม่เคยถูกเติมเต็ม เขายังคงอยู่ในใจของผมเสมอ และผมรู้ว่า ผมเองก็ยังอยู่ในใจของเขาเช่นกัน"
"ผมยังจำได้ดีถึงวันที่เราต้องแยกกัน ระหว่างเรามีเพียงคนเดียวที่จะได้ไปอังกฤษกับพี่ชายอีกสองคน และยายของเราบอกว่า โม ควรจะไป ขณะที่ผมต้องรอไปก่อน แต่พวกเขาบอกว่าวันหนึ่งผมจะได้ตามไป พวกเขาบอกว่า เราจะได้พบกันอีกครั้งในเร็วๆ นี้"
"ตอนเด็กๆ เราต่างเป็นเด็กที่ชอบเล่นกีฬา เราเล่นฟุตบอลด้วยกันบนถนน และวิ่งเล่นไปทั่วๆ แต่ที่นี่ค่อนข้างร้อน ร้อนเกินไปไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม มันไม่มีสิ่งปลูกสร้างมากนัก มีแต่ถนนเป็นส่วนใหญ่ เราต่างชอบวิ่งเล่น บางครั้งเขาวิ่งไล่ชนะผม บางครั้งผมก็ชนะเขา แต่ตอนนี้เขาคงเหนือกว่าผมไปแล้ว หลังจากได้ซ้อมอย่างต่อเนื่องในสนามวิ่งดีๆ และในยิมดีๆ ขณะที่ผมไม่มีอะไรเลย แต่ใครจะรู้ล่ะ? บางทีเราอาจเป็นยอดฝาแฝดนักวิ่งโอลิมปิกที่มีชื่อเสียง ซึ่งผมอดคิดแบบนั้นไม่ได้เวลาเห็นเขาในโทรทัศน์ แต่เขาคือพี่น้องของผม ผมรักเขา และยินดีกับความสำเร็จของเขา"
ด้าน นิโม พี่สาวอีกคนของ โม ฟาราห์ ที่มีลูกชายป่วยเป็นโปลิโอด้วยนั้น เผยถึงชีวิตอันยากลำบากในโซมาเลียว่า "การใช้ชีวิตที่นี่ค่อนข้างลำบาก แต่เรารักที่นี่ เราเป็นคนของที่นี่ เพียงแต่มันค่อนข้างยากที่จะใช้ชีวิตอยู่รอด เราต้องการโรงเรียนและการแพทย์ที่ดีกว่านี้เพื่อเด็กๆ เราหวังว่า ความสำเร็จของโมจะช่วยให้เขาช่วยพวกเราได้".
