เว็บไซต์ "เดลีเมล์" รายงานเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ตีแผ่ชีวิตสุดดราม่าของ โม ฟาราห์ นักวิ่งระยะไกลฮีโร่ 2 เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2012 ของสหราชอาณาจักร เมื่อพบมีฝาแฝดชื่อว่า ฮัสซัน ฟาราห์ อยู่ที่ประเทศบ้านเกิดโซมาเลีย จากที่ทั้งคู่พลัดพรากจากกันเมื่อตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ จากเหตุสงครามกลางเมืองของโซมาเลีย หลังลูกๆ ของครอบครัวฟาราห์ 3 จากทั้งหมด 6 คน ติดตามผู้เป็นพ่อย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า แต่อีก 3 คนที่เหลือกลับต้องอยู่อย่างแร้นแค้นที่โซมาเลีย
โดย ฮัสซัน ฟาราห์ เปิดใจผ่านเดลีเมล์ ถึงการต้องแยกทางกับ โม ฟาราห์ ฝาแฝด ก่อนที่ฝ่ายหลังจะไต่เต้าขึ้นเป็นนักกีฬาชื่อเสียงได้สำเร็จว่า ทั้งคู่เคยมีความผูกพันใกล้ชิดกันอย่างมาก แม้ฝ่าย โม จะไม่ค่อยเปิดเผยถึงชีวิตส่วนตัว และครอบครัวที่โซมาเลียมากนักก็ตาม โดยทั้งคู่ต่างเคยกินข้าวในจานเดียวกัน, นอนเตียงเดียวกัน, เรียนและเล่นที่เดียวกัน พร้อมยืนยันว่า เขาไม่เคยอิจฉาหรือขุ่นเคืองในวาสนาของฝาแฝดอีกคนแต่อย่างใด
"เราทำทุกอย่างร่วมกัน เราเป็นเงาของกันและกัน เรามีความรักที่พิเศษที่ฝาแฝดมีให้กัน แตกต่างจากแค่พี่น้องธรรมดาทั่วไป แต่ก็เหมือนครอบครัวชาวโซมาเลียอื่นๆ ที่หลายครอบครัวต้องพลัดพรากกันเพราะสงคราม แต่กรณีของผมมันยิ่งกว่า เพราะผมเสียครึ่งหนึ่งของตัวเองไป เสียฝาแฝดของผมไป ทุกวันนี้ผมยังเหลือพื้นที่ในใจไว้ให้เขา มันเป็นพื้นที่ว่างที่ไม่เคยถูกเติมเต็ม เขายังคงอยู่ในใจของผมเสมอ และผมรู้ว่า ผมเองก็ยังอยู่ในใจของเขาเช่นกัน"
"ผมยังจำได้ดีถึงวันที่เราต้องแยกกัน ระหว่างเรามีเพียงคนเดียวที่จะได้ไปอังกฤษกับพี่ชายอีกสองคน และยายของเราบอกว่า โม ควรจะไป ขณะที่ผมต้องรอไปก่อน แต่พวกเขาบอกว่าวันหนึ่งผมจะได้ตามไป พวกเขาบอกว่า เราจะได้พบกันอีกครั้งในเร็วๆ นี้"
"ตอนเด็กๆ เราต่างเป็นเด็กที่ชอบเล่นกีฬา เราเล่นฟุตบอลด้วยกันบนถนน และวิ่งเล่นไปทั่วๆ แต่ที่นี่ค่อนข้างร้อน ร้อนเกินไปไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม มันไม่มีสิ่งปลูกสร้างมากนัก มีแต่ถนนเป็นส่วนใหญ่ เราต่างชอบวิ่งเล่น บางครั้งเขาวิ่งไล่ชนะผม บางครั้งผมก็ชนะเขา แต่ตอนนี้เขาคงเหนือกว่าผมไปแล้ว หลังจากได้ซ้อมอย่างต่อเนื่องในสนามวิ่งดีๆ และในยิมดีๆ ขณะที่ผมไม่มีอะไรเลย แต่ใครจะรู้ล่ะ? บางทีเราอาจเป็นยอดฝาแฝดนักวิ่งโอลิมปิกที่มีชื่อเสียง ซึ่งผมอดคิดแบบนั้นไม่ได้เวลาเห็นเขาในโทรทัศน์ แต่เขาคือพี่น้องของผม ผมรักเขา และยินดีกับความสำเร็จของเขา"
ด้าน นิโม พี่สาวอีกคนของ โม ฟาราห์ ที่มีลูกชายป่วยเป็นโปลิโอด้วยนั้น เผยถึงชีวิตอันยากลำบากในโซมาเลียว่า "การใช้ชีวิตที่นี่ค่อนข้างลำบาก แต่เรารักที่นี่ เราเป็นคนของที่นี่ เพียงแต่มันค่อนข้างยากที่จะใช้ชีวิตอยู่รอด เราต้องการโรงเรียนและการแพทย์ที่ดีกว่านี้เพื่อเด็กๆ เราหวังว่า ความสำเร็จของโมจะช่วยให้เขาช่วยพวกเราได้".
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น