ฟุตบอล ยูโร 2012 รอบแรก กลุ่มบี นัดที่สอง
วันพุธที่ 13 มิถุนายน 2555
เดนมาร์ก 2 - 3 โปรตุเกส
สนาม: อารีน่า ลวีฟ, ลวีฟ
"โคนม" เดนมาร์ก ลงทำศึก รอบแรก กลุ่มบี นัดที่สอง กับ "ฝอยทอง" โปรตุเกส โดย ทีมโคนม ยังใช้ทีมผู้เล่นชุดเดียวกับที่ปราบ ฮอลแลนด์ มาเป็นตัวหลัก โดยกองหน้าตัวเป้ายังใช้งาน นิคลาส เบนท์เนอร์ ล่าตาข่าย ส่วนทีมเยือน โปรตุเกส ไม่มีทางเลือกนอกจากชนะ หากหวังเข้ารอบ โดยเกมนี้ยังใช้สามประสาน นานี่,คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เอลแดร์ ปอสติก้า เป็นหน่วยทะลวงฟัน
เริ่มเกมมาเพียง4นาที เป็นฝ่ายทีมโคนม มีโอกาสได้ลุ้นประตูก่อน เมื่อ คริสเตียน เอริคเซ่น ได้บอลในกรอบเขตโทษ ก่อนพลิกยิงด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อ แต่ เปเป้ มาสไลด์บล็อคลูกยิงได้อย่างหวุดหวิด
นาทีที่12 โปรตุเกส เริ่มตั้งแต่เกมบุกได้มากขึ้น และมีโอกาสกดดัน เดนมาร์ก จากลูกเปิดจากริมเส้นฝั่งขวาของ นานี่ แต่ ลาร์ส ยาค็อบเซ่น ยังสกัดทิ้งไว้ได้ทัน
[เปลี่ยนตัว] นาทีที่16 ทีมโคนม ต้องเปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อ นิกิ ซิมลิงก์ มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง ยาค็อบ โพลเซ่น ลงสนามแทน
2นาที โปรตุเกส ได้โอกาสซัดเหน่งๆอีกครั้ง เมื่อ ราอูล เมยเรเลส ซัดไปติด ซิมอน เคียร์ ในจังหวะแรก ก่อนบอลกระเด้งมาเข้าทางปืนของ โรนัลโด้ แต่ โรนัลโด้ กลับยิงบดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่21 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีโอกาสได้ยิงฟรีคิก ริมสนามฝั่งซ้าย แต่ยิงข้ามคานออกหลังไปแบบไม่มีลุ้นอะไรมากนัก
3นาทีต่อมา ทีมฝอยทองมีโอกาสใกล้เคียงกับการได้ประตู เมื่อได้ฟรีคิกริมสนามฝั่งซ้าย ก่อน มิเกล เวโลโซ่ เปิดยาวมาที่หน้าประตูให้ เอลแดร์ ปอสติก้า เข้าชาร์จแต่บอลไม่เข้ากรอบ
[ทำประตู] อย่างไรก็ตาม นาทีที่24 แฟนๆโปรตุเกส ได้เฮกันลั่น เมื่อได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย เจา มูตินโญ่ โยนยาวมาที่เสาแรก ให้ เปเป้ พุ่งโฉบโหม่งเต็มหัว บอลพุ่งตุงตาข่าย สุดปัญญาที่ สเตฟาน อันเดอร์เซ่น จะควักออกมาได้ทัน ทีมฝอยทอง นำ 1-0
[ใบเหลือง] นาทีที่28 เป็นฝ่าย โปรตุเกส ที่ได้รับใบเหลืองไปก่อน เมื่อ ราอูล เมยเรเลส ไปเจตนาใช้มือปัดลูกวางยาวของ เดนมาร์ก ทำให้ผู้ตัดสินต้องแจกเหลืองลงโทษ
นาทีที่34 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เริ่มวาดรวดลายได้มากขึ้น และในจังหวะลากมายิงได้ถูกทำฟาวส์นอกกรอบ ก่อน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะลุกขึ้นมาสังหารเอง แต่บอลแฉลบบล็อคกำแพงของ เดนมาร์ก ออกหลังไปอย่างมีลุ้น
[ทำประตู] แต่แล้วในนาทีที่ 36 โปรตุเกส ก็ได้เริงร่าอีกครั้ง เมื่อ นานี่ ได้บอลทางริมกรอบเขตโทษทางขวา ก่อนไหลบอลไปที่เสาแรกให้ เอลแดร์ ปอสติก้า วิ่งมาโฉบยิงด้วยขวา ส่งบอลตุงตาข่ายอย่างงดงาม ให้ โปรตุเกส ขึ้นนำ 2-0
[ทำประตู] นาทีที่42 เป็นฝ่าย เดนมาร์ก ได้กรี๊ดคืนบ้าง เมื่อ ลาร์ส ยาค็อบเซ่น วางบอลไปในกรอบเขตโทษทางเสาสองให้ ไมเคิ่ล ครอห์น-เดห์ลี โหม่งตั้งคืนกลับมาเสาแรกให้ นิคลาส เบนท์เนอร์ โหม่งชาร์จระยะเผาขนโล่งๆให้ ทีมโคนม ไล่ตีตื้นมา 1-2
ช่วงท้ายครึ่งแรก ทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมแลกใส่กัน แต่ไม่มีฝ่ายใด สามารถเจาะตาข่ายกันได้ หมดครึ่งแรก โปรตุเกส จึงนำ เดนมาร์ก อยู่ 2-1
กลับมาลุ้นกันต่อในช่วง 45 นาทีหลัง เดนมาร์ก เป็นฝ่ายทำเกมบุกเข้าใส่ ส่วน โปรตุเกส รอรับแล้วหาโอกาสสวนกลับ
นาทีที่ 50 โปรตุเกสพลาดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปดวลเดี่ยวกับ สเตฟาน อันเดอร์เซ่น แต่ยิงไม่ดีพอ สเตฟาน อันเดอร์เซ่น ปัดทิ้งออกมาได้
[ใบเหลือง] นาทีที่ 56 ยาค็อบ โพลเซ่น รับใบเหลืองหลังไปพุ่งอัด หลุยส์ นานี่ อย่างแรง จากลูกฟรีคิก มิเกล เวโลโซ่ กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ บอลกำลังจะมุดใต้คานแต่ สเตฟาน อันเดอร์เซ่น ชกออกมาได้
[เปลี่ยนตัว] นาทีที่ 60 ทีมโคนม ต้องเปลี่ยนเอา เดนนิส รอมเมดาห์ล ที่มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวออก และส่ง โทเบียส มิคเคลเซ่น ลงมาแทน
นาทีที่ 62 วิลเลี่ยม ควิสต์ ได้โอกาสส่องไกลจากนอกกรอบ บอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปชนิดได้ลุ้น
[เปลี่ยนตัว] นาทีที่ 64 โปรตุเกส เปลี่ยนตัวบ้างโดยถอด เอลแดร์ ปอสติก้า ผู้ทำประตูออก และส่ง เนลสัน โอลิเวยร่า กองหน้าดาวรุ่งลงสนามแทน
นาทีที่ 72 นิคลาส เบนท์เนอร์ เลี้ยงหลบกองหลัง ก่อนยิงด้วยซ้ายบนเส้นเขตโทษบอลพุ่งถากเสาออกไป
นาทีที่ 78 ทีมฝอยทองพลาดได้ประตูแบบเหลือเชื่อ หลุยส์ นานี่ จ่ายบอลทะลุแนวรับให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับผู้รักษาประตูอีกครั้ง แต่คราวนี้ ดาวยิงจากราชันชุดขาว กลับยิงออกหน้าตาเฉย
[ทำประตู] นาทีที่ 80 กองเชียร์โคนมได้เฮลั่น ลาร์ส ยาค็อบเซ่น บรรจงเปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าไปที่เสาสอง นิคลาส เบนท์เนอร์ ขึ้นโขกเต็มๆ รุย ปาตริซิโอ พุ่งปัดได้ปลายมือ แต่บอลชนเสาเข้าประตูไป เดนมาร์ก ตามตีเสมอเป็น 2-2
[ใบเหลือง] นาทีที่ 81 ลาร์ส ยาค็อบเซ่น รับใบเหลือง จากการไปพุ่งเสียบ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
[เปลี่ยนตัว] นาทีที่ 85 เปาโล เบนโต้ กุนซือโปรตุเกส ตัดสินใจส่ง ซิลเวสเตร วาเลร่า ลงมาแทน ราอูล เมยเรเลส
[ทำประตู] นาทีที่ 87 ฟาบิโอ โกเอนเตรา เปิดบอลเข้าไปหน้าประตู ซิลเวสเตร วาเลร่า ยิงด้วยซ้ายจังหวะแรกพลาด แต่กลับมาเอี้ยวตัวยิงด้วยขวาจังหวะสองบอลพุ่งเต็มแรงเสียบเสาให้โปรตุเกส ขึ้นนำอีกครั้ง 3-2
[เปลี่ยนตัว] นาทีที่ 89 หลังได้ประตู ทีมฝอยทองหันมาเน้นเกมรับโดยเอา หลุยส์ นานี่ ออก และส่ง โรลันโด้ ฟอนเซก้า ลงมาแทน
[เปลี่ยนตัว] นาทีที่ 90 เดนมาร์ก เปลี่ยนเอา ไมเคิ่ล โครห์น-เดห์ลี ออกและให้ ลาสส์ โชน ลงสนามมาแทน
[ใบเหลือง] ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็รับใบเหลืองหลังไปเจตนาตัดเกม วิลเลี่ยม ควิสต์ ที่กำลังจะลากบอลโต้กลับเร็ว
หมดเวลาการแข่งขัน โปรตุเกส เป็นฝ่ายเอาชนะ เดนมาร์ก ไปได้ 3-2 เก็บสามแต้มสุดสำคัญเอาไว้ได้ โดยเกมสุดท้ายซึ่งจะเตะพร้อมกัน ทั้งสองทีมต้องไปลุ้นเข้ารอบต่อไป
รายชื่อนักเตะของทั้งสองทีม
เดนมาร์ก : สเตฟาน อันเดอร์เซ่น, ลาร์ส ยาค็อบเซ่น, ซิม่อน เคียร์, แดเนียล แอ็กเกอร์, ซิม่อน โพลเซ่น, วิลเลียม ควิสท์, นิคกี้ ซิมลิ่ง (ยาค็อบ โพลเซ่น น.16), เดนนิส รอมเมดาห์ล (โทเบียส มิคเคลเซ่น น.60), คริสเตียน เอริคเซ่น, ไมเคิ่ล โครห์น-เดห์ลี (ลาสส์ โชน น.90), นิคลาส เบนด์ทเนอร์
สำรองไม่ได้ใช้ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, อันเดอร์ส ลินเดการ์ด, แดเนี่ยล วาสส์, คริสเตียน โพลเซ่น, โธมัส คาห์เลนเบิร์ก, มิชาเอล ซิลเบอร์เบาเออร์, อันเดรียส บีเยลลันด์, โยเรส โอโคเร่, นิคลาส พีเดอร์เซ่น
โปรตุเกส : รุย ปาตริซิโอ, เจา เปเรยร่า, บรูโน่ อัลเวส, เปเป้, ฟาบิโอ โกเอนเตรา, ราอูล เมยเรเลส (ซิลเวสเตร เวเรล่า น.84), มิเกล เวโลโซ่, เจา มูตินโญ่, นานี่ (โรลันโด้ น.89), คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เอลแดร์ ปอสติก้า (เนลสัน โอลิเวยร่า น.64)
สำรองไม่ได้ใช้ : เอดูอาร์โด้, เบโต้, ริคาร์โด้ คอสต้า, มิเกล โลเปส, คุสโตดิโอ, ริคาร์โด้ กวาเรสม่า, รูเบน มิคาเอล, อูโก้ วิอาน่า, อูโก้ อัลเมยด้า
ผู้ตัดสิน : เคร็ก ธอมสัน (สกอตแลนด์)
แมน ออฟ เดอะ แมตซ์: นิคลาส เบนท์เนอร์ (เดนมาร์ก)
หัวหอกร่างใหญ่ของแดนโคนมรายนี้ สร้างความอันตรายให้กับแผงหลังของโปรตุเกสอยู่ตลอดทั้งเกม และสองประตูจากเกมนี้ช่วยพิสูจน์ความเป็นเจ้าเวหาของเขาได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังเป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่าเวลาเจอกับโปรตุเกส แล้ว เบนท์เนอร์ ทำประตูได้ตลอด เมื่อบวกกับสองประตูที่ทำได้นัดนี้ ทำให้เขาสอยตาข่ายทีมฝอยทองไปแล้วถึง 5 ประตู จากการเจอกัน 4 นัดหลัง แม้จะอยู่ในทีมที่พ่าย แต่ความโดดเด่นของเขาในเกมนี้ทำให้ไม่ลังเลเลยที่จะเลือกเขาเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตซ์
สถิติหลังเกม
เดนมาร์ก โปรตุเกส
10(4) ยิงทั้งหมด (เข้ากรอบ) 15(6)
18 ฟาวล์ 16
7 เตะมุม 6
2 ล้ำหน้า 0
60% เปอร์เซนต์การครองบอล 40%
2 ใบเหลือง 2
0 ใบแดง 0
3 ช็อตเซฟ 2
เบนโต้ติงฝอยทองน่าชนะสบายกว่านี้
เปาโล เบนโต้ เทรนเนอร์ทีมชาติโปรตุเกส ออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกมที่พาทีมเอาชนะเดนมาร์ก 3-2 ชี้ลูกทีมควรจะปิดเกมให้อยู่ตั้งแต่ขึ้นนำ 2-0 และไม่น่าจะต้องมากระเสือกกระสนชนะแบบหืดจับเช่นนี้ แต่ยังชมนักเตะฝอยทอง นิ่งพอที่จะยิงประตูชัยช่วงท้ายเกมได้สำเร็จ
เบนโต้ กล่าวว่า "การเล่นแบบเป็นตัวของตัวเองของทีมเรานี่แหละ ที่มันเป็นสิ่งสำคัญมาก หลังจากโดนตีเสมอ เราก็ไม่ได้เต้นจนทำให้ส่งผลกระทบกับฟอร์มการเล่นให้มันแตกต่างออกไปเลย แถมเรายังมาได้ประตูชัยมาอย่างใสสะอาด แต่ที่จริงเราก็ควรจะชนะได้อย่างสบายกว่านี้จริงๆ"
เปเป้ปลื้มโขกประตูเบิกร่อง
เปเป้ เซนเตอร์ฮาล์ฟคนสำคัญของโปรตุเกส ออกมาแสดงทีท่าปลาบปลื้มใจที่สามรถทำประตูขึ้นนำ 1-0 ให้ทีมได้สำเร็จ แต่เน้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหัวจิตหัวใจเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่เล่นได้อย่างไม่ย่อท้อ จนสามารถยิงประตูชัยเอาชนะในช่วงท้ายเกมได้
เปเป้ กล่าวว่า "ผมเคยโชคดีมาแล้วในการทำประตูในเกมกับตุรกี ในศึกยูโรครั้งก่อน คราวนี้ผมสามารถทำประตูช่วยทีมได้อีกครั้ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือฟอร์มการเล่นของทีมเรานี่แหละ เราแสดงให้เห็นถึงความกระหายอย่างแท้จริง และไม่ยอมแพ้ สู้จนถึงที่สุด และเอาตัวรอดได้"
พร้อมกันนั้น เปเป้ ยังได้ให้กำลังใจ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เพื่อนร่วมทีมที่มาจากราชันชุดขาวด้วยกัน ซึ่งเล่นแย่ในเกมนี้ โดยระบุว่า "คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือนักเตะที่เก่งที่สุดแล้วของโลกนี้ แต่ไม่ว่าใครก็สามารถมีความผิดพลาดได้ทั้งนั้น ดังนั้นเราจะให้กำลังใจเขาอย่างเต็มที่แน่นอน"
โอลเซ่นเสียดายโคนมแพ้เฉียดฉิว
ฝั่ง มอร์เทน โอลเซ่น นายใหญ่ทีมชาติเดนมาร์ก ก็เผยว่ารู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ทีมต้องมาแพ้ในช่วงท้ายเกม ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ไล่ตีเสมอจากช่องว่างห่างสองลูกได้แล้ว ชี้ลูกทีมพลาดเองที่เปิดพื้นที่ให้นักเตะโปรตุเกสได้ครองบอลในช่วงท้าย จนนำมาซึ่งการโดนยิงประตู
กุนซือทีมโคนม กล่าวว่า "แน่นอนมันรู้สึกแย่ ที่ต้องมาโดนยิงในช่วงท้ายเกมแบบนี้ บางทีพวกเขาอาจจะดีกว่าเราหน่อยก็จริง แต่เราก็ผิดเองที่ไปปล่อยให้พวกเขามีพื้นที่ลากบอลในช่วงหลัง มันเป็นความผิดพลาดของเราเองแหละ"
"มันทำใจยากที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่บางครั้งมันก็อาจจะเป็นโชคดีกว่านี้ก็ได้ ครั้งนี้ถือว่าเราโชคร้ายก็แล้วกัน"