เทเบิลเทนนิสนับเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่มีการปรับเปลี่ยนและหาข้อตกลงในกติกามาโดยตลอด เรื่องที่มาของยางสีดำและแดงบนไม้เทเบิลเทนนิส ต้องย้อนไปถึงสมัยก่อน ว่าด้วยเรื่องวัสดุ-อุปกรณ์ที่นำมาทำป็นยาง ค่อนข้างมีความหลากหลายทางวัตถุดิบ บ้างก็ใช้ยางเรียบ บ้างก็ใช้ยางเม็ด ยางสังเคราะห์ โฟม และอีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่ส่งผลต่อผลการแข่งขันทั้งสิ้น และถ้าพูดถึงผลงานในยุคนั้นนับว่าจีนและชาติเอเชียเป็นมหาอำนาจในวงการเทเบิลเทนนิสอย่างแท้จริง(มีวัสดุ-อุปกรณ์โดยเฉพาะยางและสไตล์การเล่นที่ดีกว่าฝั่งยุโรปมาก) ในเวลาต่อมา ITTF หรือ สหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ จึงได้สร้างกฏกติกาในเรื่องสีของยางทั้ง 2 หน้าของไม้เทเบิลเทนนิส เพื่อความไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกัน โดยกำหนดให้ยางของผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะต้องประกอบด้วยสีแดงและสีดำ อยู่บนหน้าไม้ทั้ง 2 ฝั่ง และจะต้องได้รับการรับรองจาก ITTF (พูดง่ายๆก็คือนักกีฬาทุกคนต้องใช้ยางที่ทาง ITTF ผลิตเท่านั้น) และก่อนทำการแข่งขันจะต้องให้คู่ต่อสู้ตรวจสอบไม้ที่ใช้อย่างละเอียด อีกทั้งขณะทำการแข่งขันจะต้องแสดงความชัดเจนว่าจะใช้สีอะไรในการทำเกมรุกและใช้สีอะไรในการทำเกมรับ เพื่อให้คู่ต่อสู้ได้รู้ถึงสไตล์การเล่น จะได้สูสีและสนุกมากขึ้น (ส่วนมากจะใช้สีแดงในการเล่นเกมรุก และสีดำในการเล่นเกมรับ)
รูปทรงของไม้จีน
ส่วนความแตกต่างระหว่างยางสีดำและสีแดงก็เป็นประเด็นที่พูดถึงกันมานาน แหล่งผลิตบางแหล่งระบุว่ายางทั้ง 2 หน้ามีความแตกต่างกัน เพราะใช้วัตถุดิบในการย้อมสีไม่เหมือนกัน สังเกตจากการมองทะลุแสง ยางสีดำจะทึบแสง ในขณะที่ยางสีแดงจะโปร่งแสง ส่วนคุณสมบัติของยางสีแดงนั้นเมื่อกระทบลูกจะทำให้ลูกมีความเร็วที่สูงขึ้น ส่วนยางสีดำจะสร้างแรงสปินให้กับลูกเทเบิลเทนนิส แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน มีการพัฒนาให้ยางทั้ง 2 สี มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นจนแทบแยกกันไม่ออกแล้ว เรื่องของสีจึงเป็นแค่เรื่องของความเชื่อและความมั่นใจในการแข่งขันเท่านั้น
ทั้งหมดทั้งปวงอาจสรุปได้ว่า กีฬาหลายๆประเภทที่ต้องการขยายกลุ่มผู้เล่นไปสู่ระดับโลก อาจจะต้องมีการปรับกฏกติกาเพื่อให้สอดคล้องกับทักษะของชนชาติต่างๆ เพื่อความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจในการแข่งขันด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น