วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

สื่อสเปนจวกเมสซี่!ต้นเหตุทำบาร์ซ่าปิ๋วชิงชปล. 12bet






บรรดาสื่อแดนกระทิง โอดโอยเป็นการใหญ่ หลัง บาร์เซโลน่า พ่าย เชลซี ตกรอบตัดเชือก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปอย่างเหลือเชื่อ ด้วยผลประตูรวม 2-3 พร้อมโทษ ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ เป็นต้นเหตุของความล้มเหลว หลังยิงจุดโทษไม่เข้า แถมเอารูปสตาร์ดัง "ฟ้า-ขาว" แสดงอาการผิดหวังมาขึ้นหน้าหนึ่งเหมือนกันแบบไม่ได้นัดหมายอีกต่างหาก


        สื่อสเปน ต่างพากันออกมาคร่ำครวญ หลัง "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า พลาดท่าพ่าย "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี คู่แข่งจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ไปด้วยผลประตูรวม 2 นัด 2-3 เมื่อวันอังคารที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา พร้อมโทษว่าเป็นความผิดของ ลิโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ ที่ยิงจุดโทษไม่เข้า ทำให้พลาดหวังที่จะสร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นทีมแรกที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน 




         "สปอร์ต" หนังสือพิมพ์รายวันประจำแคว้นคาตาลัน พาดหัวใหญ่ว่า "นี่แหละคือความไม่ยุติธรรมของฟุตบอล ! อย่าท้อกันสิ บาร์ซ่า ! " ตามด้วยภาพใหญ่ของ เมสซี่ ที่เอาเสื้อคลุมหัวตัวเองไว้เต็มหน้ากระดาษ พร้อมกับข้อความว่า "บาร์ซ่า ต้องเข้ามาสู่วังวนแห่งความโชคร้าย ซึ่งเป็นวันที่เศร้ามากที่สุดสำหรับ เมสซี่ ที่ดันยิงจุดโทษไปชนคานเข้าอย่างจัง แต่แม้จะแพ้ พวกเขาก็เดินออกมาได้ด้วยความภูมิใจ"  
    


         ขณะที่ "ลา บานการ์เดีย" หนังสือพิมพ์ชั้นนำประจำแคว้นอีกฉบับ ก็นำภาพ เมสซี่ เอาเสื้อคลุมหัวมาขึ้นหน้าหนึ่งด้วยเช่นกัน พร้อมกับใส่ข้อความสั้นๆ ด้วยความรู้สึกที่เสียใจว่า "ลาก่อนสำหรับความฝันในถ้วยยุโรป" 
    


         ด้าน "มาร์ก้า" หนังสือพิมพ์กีฬายอดขายสูงที่สุดในแดนกระทิง ได้จัดวางรูป เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ศูนย์หน้า "ราชันชุดขาว" ไว้คู่กันที่หน้าแรก พร้อมกับเขียนข้อความไปยัง ดาวเตะโปรตุกีส ว่า "มันเป็นความล้มเหลวเนอะว่าป่ะ ! คนที่ เบร์นาเบว เชื่อมั่นในตัวผู้นำของเรา ซีอาร์ 7 (คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เบอร์ 7) พาทีมเข้าชิงชนะเลิศให้ได้ หลัง บาร์เซโลน่า ถูกเขี่ยตกรอบไปแบบเหนือความคาดหมาย" 
    


         ขณะเดียวกัน "มาร์ก้า" ยังเชื่อว่าตอนนี้ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วสำหรับ โรนัลโด้ ที่จะผงาดคว้ารางวัล  "ฟีฟ่า บัลลง ดอร์" มาครอบครอง หากนำทีมคว้าแชมป์ยุโรปฤดูกาลนี้มาได้ในท้ายที่สุด พร้อมกับอ้างคำพูดของ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ มาดริด ที่เผยไว้ก่อนหน้านี้ว่า "พวกเราสมควรได้ไปเล่นที่ มิวนิค (สำหรับนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก)" 
   


         นอกจากนั้น "มาร์ก้า" ยังรู้สึกว่าชัยชนะของ "สิงห์บลูส์" ครั้งนี้ เป็น "การแก้แค้นที่เจ็บปวดแสนสาหัส" โดยระบุต่อว่า "บาร์ซ่า ต้องพบกับระบบ แอนตี้-ฟุตบอล (anti-football) ของ เชลซี ที่ต้องเล่นถึง 54 นาทีกับการมีผู้เล่นเหลือแค่ 10 คน" 



         ขณะที่ "อาส" หนังสือพิมพ์กีฬารายวันอีกฉบับ ที่ทราบกันดีว่าอยู่คนละฝั่งคนละฝ่ายกับ มาดริด ได้นำรูป เมสซี่ เอาเสื้อคลุมหัวมาขึ้นหน้าหนึ่งด้วยเช่นกัน โดยพาดหัวว่า "เมสซี่ เป็นผู้ทำลายฝันในการเข้าชิงชนะเลิศ" 
   


         ส่วน "เอล ปาอิส" สื่อสิ่งพิมพ์ชั้นนำอีกฉบับของ สเปน ก็เขียนเรื่องราวที่ใช้ชื่อว่า "จุดเริ่มต้นแห่งความหายนะของ เมสซี่" ด้วยการติงว่าดาวเตะรายนี้ต้องพบกับอาถรรพ์หลังไม่เคยยิงประตูใส่ทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว โดยระบุต่อว่า "ฝันการเข้าไปชิงชนะเลิศ มันได้พังทลายไปหมดสำหรับ เมสซี่ ในถิ่น คัมป์ นู ภายหลังจากสร้างโอกาสยิงประตูไปได้ถึง 47 ครั้ง บาร์ซ่า ทำได้ 2 ประตู ส่วน เชลซี ได้ 3 ประตูกับโอกาสยิงเพียงแค่ 7 ครั้ง ก็อย่างที่เรารู้กันดี นั่นแหละคือฟุตบอล" 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น