แว็งซ็องต์ ก็องปานี ปราการหลังหัวหน้าทีม "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โวสนั่นขอจับตาย เวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงตีนระเบิด "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ให้สำแดงพิษสงออกมาในเกมสำคัญวันจันทร์นี้ เชื่อเกมระหว่าง 2 ทีมจากแมนเชสเตอร์ เริ่มมีความยิ่งใหญ่เข้าใกล้ศึก "เอล กลาซิโก้" แห่งแดนกระทิงเข้าไปทุกขณะแล้วในตอนนี้
แว็งซ็องต์ ก็องปานี กองหลังกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มหาเศรษฐีแห่งลีกสูงสุดอังกฤษ ประกาศกร้าวขอหยุดฟอร์มถล่มประตูสุดร้อนแรงของเวย์น รูนี่ย์ หัวหอกทีมชาติอังกฤษของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อริร่วมเมือง ในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม วันจันทร์ที่ 30 เมษายนนี้
ดาวยิงร่างอวบ ระเบิดผลงานสุดยอดในฤดูกาลนี้ ด้วยการถล่มไปแล้วถึง 33 ประตู น้อยกว่าฤดูกาลที่เขายิงประตูสูงสุดในอาชีพเพียงลูกเดียวเท่านั้น ซึ่งทัพ "เรือใบสีฟ้า" จำเป็นต้องหยุดฟอร์มอันร้อนแรงของศูนย์หน้าจอมพลังให้ได้ หากต้องการคว้า 3 แต้ม พร้อมมีสิทธิ์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในบั้นปลาย
ดาวเตะทีมชาติเบลเยียม กล่าวว่า "สำหรับผมแล้ว มันทำให้น่าสนุกมากกว่าเดิมเยอะ ผมไม่คิดว่าสิ่งต่างๆจะออกมาง่ายหรอกนะ หากว่ามันยาก นั่นก็ยิ่งทำให้ชัยชนะดีมากขึ้นไปอีก มันเป็นเรื่องเยี่ยมที่ได้ลงแข่งกับเขา เราลงเผชิญหน้ากันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ผมชอบมันนะ และหวังว่า เราจะได้ลงเจอกันไปอีกนาน เพราะมันเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เสมอ"
"เขาเป็นหนึ่งในสุดยอดกองหน้าของโลก ไม่ต้องสงสัยในเรื่องนี้เลย แต่ตามปกติแล้ว นี่จะเป็นเกมที่หนักมากๆ ผมสนุกกับเกมพวกนี้ มันไม่ใช่แค่เราเพียง 2 คนเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องดีที่ได้ลงเจอกับนักเตะระดับท็อปมากมาย เขามีคุณสมบัติพร้อมในการเป็นกองหน้าชั้นยอด เขามีความเร็ว, พลัง และยังเป็นตัวจบสกอร์ด้วย เขายังเป็นผู้นำให้กับทีม และนั่นทำให้เขาเป็นนักเตะที่วิเศษ"
นอกจากนั้น อดีตปราการหลังฮัมบูร์ก ยังเชื่อว่า เกมระหว่าง 2 ทีมจากแมนเชสเตอร์ วันจันทร์นี้ คงไม่ต่างอะไรกับเกม "เอล กลาซิโก้" ซูเปอร์บิ๊กแมตช์ในลา ลีกา ของเรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า "ผมรู้ว่ามันมีความหมายกับผู้คนอย่างไร และคงไม่มีทางที่จะไม่รู้ประวัติศาสตร์พวกนี้หรอก มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่รู้เรื่องของเกมดาร์บี้ทั้งหลาย ก่อนที่คุณจะย้ายมาร่วมทีม คุณจะต้องมองหาชัยชนะ และผมคิดว่า มันได้กลายเป็นเกม เอล กลาซิโก้ เกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกในเกมลีกไปแล้ว"
พร้อมกันนี้ ก็องปานี ยอมรับว่า เวลานี้มองไปทางไหนก็เจอแต่ผู้คนพูดถึงเกมสำคัญนัดนี้กันทั้งเมือง "ผมจำไม่ได้เลยว่าได้เจอใครซักคนที่ไม่ได้คุยกับผมถึงเรื่องนี้ตลอด 3-4 วันหลังหรือเปล่า แถมยังมีการโทรศัพท์เข้ามาหาอีก มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่แค่จากที่นี่เท่านั้นนะ แต่ยังมาจากจีน, อเมริกา ทั่วโลกเลยล่ะ น่าตลกที่มีผู้คนมากมายที่เข้ามามีส่วนร่วมในเกมนี้ คุณแทบจินตนาการไม่ออกเลย"
"เกมนี้กลายเป็นเกมที่ใหญ่กว่าคนท้องถิ่นไปแล้ว กองเชียร์แมนฯ ซิตี้ ในอินโดนีเซีย จะต้องเผชิญหน้ากับแฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด ในอินโดนีเซีย ว่าจะแพ้หรือชนะ ดังนั้น มันใหญ่กว่าเมืองแมนเชสเตอร์ ไปแล้ว คุณรู้สึกได้ว่าผู้คนมีเหตุผลส่วนตัวต่างๆในการอยากที่จะเอาชนะเกมนัดนี้ให้ได้"
