วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

Athletic Bilbao - Schalke 04 UEFA EUROPA LEAGUE 12bet 02.05 น.6/4/12








 เปรียบเทียบความพร้อมของทีม
แอธเลติก บิลเบา : 
มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ไม่มี การ์ลอส กูร์เปกี, ชาเบียร์ กาสตีโย่ กับ อีกอร์ มาร์ตีเนซ สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ด้าน อันเดร์ อีตูร์ราสเป้ ติดโทษแบน ดังนั้น ฆาเบียร์ มาร์ตีเนซ จึงกลับขึ้นมาเล่นในแดนกลางอีกครั้ง ส่วน ดาบิด โลเปซ โมเรโน่ ฟิตกลับมาพร้อมเป็นตัวเลือกลงสนาม ทว่า ยังเป็นเพียงตัวสำรองเช่นเดียวกับ กาอิซก้า โตเกโร่, อินญีโก้ เปเรซ, อีกอร์ กาบิลอนโด้ หรือ อีไบ โกเมซ  ทีมดังเมืองกระทิง จะลงเล่นระบบ 4-2-3-1 มี กอร์ก้า อีไรซอส เฝ้าเสา แนวรับ 4 คนเป็น อันโดนี อิราโอล่า, บอร์ฆา เอกีซ่า, เฟร์นานโด อมอเรเบียต้า, จอน เอาร์เตเนตเช่ ด้าน ฆาเบียร์ มาร์ตีเนซ จะลงคุมเกมแดนกลางกับ ออสการ์ เด มาร์กอส โดยมี มาร์เกล ซูซาเอต้า, อันเดร์ เอร์เรร่า, อีเกร์ มูเนียอิน เดินเกมรุก ส่วน เฟร์นานโด ยอเรนเต้ จะลงเล่นหน้าเป้า
ชาลเก้ : 
ฮูบ สตีเฟ่นส์ เทรนเนอร์ชาลเก้แพ้คาบ้านถึง 2-4 ในเลกแรก มีแววว่าจะทิ้งหันมาเน้นในลีกมากกว่า  เกมนี้มีข่าวดีในเรื่องผู้รักษาประตูด้วย จากเดิมที่ ติโม ฮิลเดบรันด์ เจ็บจากเกมเลกแรกจน มัทธีอัส โชเบอร์ ต้องเปลี่ยนลงมาเฝ้าเสา แต่ล่าสุดในเกมลีก ลาร์ส อุนเนอร์สตัลล์ ฟิตกลับมาลงเล่นได้ เกมนี้จะได้โอกาสเฝ้าเสาต่อทันที แนวรับ เบเนดิคท์ โฮเวเดส กัปตันทีมลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้ว เช่นเดียวกับ คริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์ โดยรายหลังอาจได้ลงเลยจากการเก็บตัวหลักไว้ลุ้นอันดับ 3 ในลีก เจอร์เมน โจนส์ ที่มีอาการล้าเล็กน้อย รวมทั้ง คริสเตียน ฟุคส์ ที่เป็นไข้ น่าจะได้พักเช่นกัน โดย โฌแอล มาติป น่าจะขึ้นมาเล่นมิดฟิลด์ตัวรับ เพราะสุดสัปดาห์นี้ไม่ได้ลงอยู่แล้วจากการติดแบนพอดี ส่วน ยูเลี่ยน แดร็กซ์เลอร์ ที่ได้พัก โดยจะเป็น ตีมู ปุ๊คกี้ หรือ โฆเซ่ ฆูราโด้ ที่ได้ลงสนาม แต่กองหน้าอาจยังใช้ คลาส แยน ฮุนเตลาร์ ลงเล่นไปก่อน
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แอธเลติก บิลเบา : 
(4-2-3-1) : กอร์ก้า อีไรซอส - อันโดนี อิราโอล่า, บอร์ฆา เอกีซ่า, เฟร์นานโด อมอเรเบียต้า, จอน เอาร์เตเนตเช่ - ฆาเบียร์ มาร์ตีเนซ, ออสการ์ เด มาร์กอส - มาร์เกล ซูซาเอต้า, อันเดร์ เอร์เรร่า, อีเกร์ มูเนียอิน - เฟร์นานโด ยอเรนเต้
ชาลเก้ : 
(4-1-3-2) : ลาร์ส อุนเนอร์สตัลล์ - มาร์โค เฮอเกอร์, เบเนดิคท์ โฮเวเดส, คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส, คริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์ - โฌแอล มาติป, ชิเนดู โอบาซี่, เลวิส โฮลท์บี้, โฆเซ่ ฆูราโด้ -  ตีมู ปุ๊คกี้ , คลาส แยน ฮุนเตลาร์
วิจารณ์เกมการแข่งขัน
บิลเบาปรับเปลี่ยนขุมกำลังเฉพาะบางตำแหน่งเท่านั้น ขณะเดียวกันชาลเก้น่าจะถอดใจยอมรับสภาพหลังพ่ายคาถิ่นมาแบบขาดลอยถึง 2-4 ทีมราชันสีน้ำเงิน คงหันไปเน้นความสำคัญในลีกมากกว่า ต่างจากบิลเบาที่ยังต้องการชัยชนะเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา เกมของทีมดังแคว้นบาสก์ ยังหลากหลายกว่าและมีจังหวะเข้าทำเฉียบคมกว่าจึงน่าจะบดเอาชนะชาลเก้อีกนัด

วิเคราะห์บอล UEFA EUROPA LEAGUE : Valencia CF - AZ Alkmaar 12BET 06/04/55 02:05น.

UEFA EUROPA LEAGUE
LIVE 02:05AM Valencia CF - AZ Alkmaar
วิเคราะห์บอล :
          อาร์แซด อัล์คมาร์ กำลังรับศึกหลายด้านทั้งในลีกและรายการนี้ที่ต้องมาเจอกับทีมระดับบิ๊กเนมอย่าง บาเลนเซีย แม้ว่าจะเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบไปก่อนในเกมแรก แต่ก็ไม่มีทฤษฎีใดๆที่จะการันตีว่าพวกเขาจะเข้ารอบตัดเชือกไปได้แบบสะดวกโยธิน โดยเฉพาะในจุดที่เสียอเวย์โกลในบ้าน ทำให้งานนี้โดนส่องเปรี้ยงเดียวก็จะตกรอบทันที อย่างไรก็ตามเชื่อว่า เกิร์ทยาน เวอร์บีค จะให้ลูกทีมเล่นภายใต้ความรัดกุมและหาจังหวะโต้กลับงามๆเล่นงานเจ้าถิ่น ทว่าจากสภาพร่างกายที่ตัวหลักลงกรำศึกมายาวนานแบบ "ถ้าไม่เจ็บไม่ตาย" ก็ต้องลงสนาม น่าจะส่งผลให้การเคลื่อนที่ตามเกมรุก บาเลนเซีย ที่ได้พักมาเต็มๆไม่ทันแน่ และถ้า"ไอ้ค้างคาว" เบิกร่องได้ก่อน ถึงเวลานั้นยังไง อัล์คมาร์ ก็จำเป็นต้องหน้าแลก ซึ่งกลายเป็นเข้าทางเจ้าถิ่นที่ฟิตกว่าพร้อมกว่าลุ้นเม็ดสองได้อย่างเต็มตัว


ต่อ  Valencia CF  1-1.5@ 0.960 เดิมพัน 1,000บาท ชนะได้ 1,960 บาท รวมทุน
12BET ฝากเงินระบบใหม่ ไม่ต้องอัพโหลดสลิป ฝากง่าย ปรับยอดไว!!
แนะนำติดต่อสอบถามเบอร์บัญชีปัจจุบันก่อนทำรายการฝากเงินทุกครั้งนะคะ

Valencia - AZ Alkmaar UEFA EUROPA LEAGUE 12bet 02.05 น.6/4/12






เปรียบเทียบความพร้อมของทีม
บาเลนเซีย : 
อูไน เอเมรี่ ไม่มี มิเกล มอนเตยโร่, เซร์คิโอ กานาเลส กับ เอเวร์ บาเนก้า สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ด้าน อาดิล รามี พ้นโทษแบนกลับมาคุมแนวรับตามปกติ รวมถึง โรเบร์โต้ โซลดาโด้, จอร์ดี้ อัลบา กับ บรูโน่ ซัลตอร์ พ้นโทษแบนจากลีกาพร้อมลงช่วยทีมเช่นกัน ส่วน อัลเบร์โต้ ตีโน่ คอสต้า, อังเคล เดอัลเบิร์ต, เมห์เม็ต โตปัล, ปาโบล เอร์นานเดซ หรือ ปาโบล ปิอัตติ พร้อมหวนคืนสู่ทีมตัวจริง  ทีมค้างคาวจะลงเล่นระบบ 4-4-2 มี ดีเอโก้ อัลเวส เฝ้าเสา แนวรับ 4 คน เป็น บรูโน่ ซัลตอร์, อาดิล รามี, อังเคล เดอัลเบิร์ต, เฌเรมี มาติเยอ ในแดนกลางมี โซฟียาน เฟอกูลี, เมห์เม็ต โตปัล, อัลเบร์โต้ ตีโน่ คอสต้า, จอร์ดี้ อัลบา ลงทำเกม ส่วน โรเบร์โต้ โซลดาโด้ จะลงเล่นกองหน้าคู่ อาริตซ์ อาดูริซ หรือ โชนาส กอนซัลเวส
อัลค์มาร์ : 
เกิร์ตยาน เฟอร์บีค ไม่มี เซลโซ่ ออร์ติซ หรือ เอเตียนน์ ไรจ์เน่น อยู่ในโผเยือนเมืองกระทิง แต่ นิค เฟียร์เกเวอร์ พ้นโทษแบนกลับมาคุมแนวรับแทน รักนาร์ คลาวาน ส่วน ซิโมน โพลเซ่น กับ โจซี่ย์ อัลติดอร์ ซึ่งได้โอกาสพักแข้งจากเกมล่าสุดกับวาลไวก์พร้อมหวนคืนสู่ทีมตัวจริง ทว่า เอริค ฟัลเคนบวร์ก, ชาร์ลีสัน เบนส์ช็อป หรือ รอย บีเรนส์ ยังเป็นเพียงตัวสำรอง ทีมเยือนจากเมืองกังหันลมจะลงเล่นระบบ 4-3-3 มี เอสเตบัน อัลวาราโด้ เฝ้าเสา แนวรับ 4 คน เป็น เดิร์ค มาร์เซลลิส, นิคลาส มอยซานเดอร์, นิค เฟียร์เกเวอร์, ซิโมน โพลเซ่น ในแดนกลางมี อดัม มาเฮอร์, ราสมุส เอล์ม, มาร์เตน มาร์เตนส์ ลงทำเกม ส่วน โยฮันน์ นิคเบิร์ก กุ๊ดมันด์สสัน, โจซี่ย์ อัลติดอร์, เบร็ตต์ โฮลมัน จะลงเล่นเป็นสามประสานแนวรุก 
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บาเลนเซีย : 
(4-4-2) : ดีเอโก้ อัลเวส - บรูโน่ ซัลตอร์, อาดิล รามี, อังเคล เดอัลเบิร์ต, เฌเรมี มาติเยอ - โซฟียาน เฟอกูลี, เมห์เม็ต โตปัล, อัลเบร์โต้ ตีโน่ คอสต้า, จอร์ดี้ อัลบา - โรเบร์โต้ โซลดาโด้, อาริตซ์ อาดูริซ (โชนาส กอนซัลเวส)
อัลค์มาร์ : 
 (4-3-3) : เอสเตบัน อัลวาราโด้ - เดิร์ค มาร์เซลลิส, นิคลาส มอยซานเดอร์, นิค เฟียร์เกเวอร์, ซิโมน โพลเซ่น - อดัม มาเฮอร์, ราสมุส เอล์ม, มาร์เตน มาร์เตนส์ - โยฮันน์ นิคเบิร์ก กุ๊ดมันด์สสัน, โจซี่ย์ อัลติดอร์, เบร็ตต์ โฮลมัน 
วิจารณ์เกมการแข่งขัน
เป็นเกมชี้ชะตาเอเมรี่ที่ต้องนำบาเลนเซียผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกเพียงสถานเดียว ทีมค้างคาวลงเล่นในรังด้วยความพร้อมสมบูรณ์ทุกขุมกำลังน่าจะเปิดเกมรุกกดดันทีมเยือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัลค์มาร์จะวางแผนมาเล่นเกมโต้กลับเป็นหลักซึ่งน่าจะป่วนแนวรับทีมค้างคาวได้ดีเช่นกัน แต่บาเลนเซียทำผลงานในเมสตาย่าบนเวทียุโรปได้ดีจึงน่าจะบดเอาชนะทีมเยือนจากฮอลแลนด์ได้ตามเป้าหมาย 

ยังเชื่อเรือกดดันหนักจนประหม่าทำชวดแชมป์ 12bet





แอชลี่ย์ ยัง ปีกทีมชาติอังกฤษของ แมนฯ ยูไนเต็ด มั่นใจ ตอนนี้ความกดดันอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ พร้อมโวสนั่น ทัพ "ผีแดง" ไม่เคยเล่นด้วยอาการประหม่า หรือหวาดหวั่นแม้แต่นิดเดียว


        แอชลี่ย์ ยัง ปีกความเร็วสูงของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เชื่อตอนนี้ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่แข่งแย่งแชมป์ลีก ตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก หลังต้องเป็นฝ่ายตามหลัง จนทำให้ฟอร์มหลุดในช่วงหลายเกมที่ผ่านมา

        ในช่วงต้นซีซั่น "เรือใบสีฟ้า" ทำแต้มนำห่าง "เร้ด เดวิลส์" 7 คะแนน อย่างไรก็ตาม ด้วยฟอร์มที่ออกทะเล ทำให้ลูกทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ทำแต้มหลุดมือไปเยอะ ส่งผลให้ตอนนี้กลายเป็นผู้ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 5 คะแนน และเข้าสู่โค้งสุดท้ายของฤดูกาลนี้แล้ว

        อดีตแข้ง แอสตัน วิลล่า ให้ความเห็นว่า "ความกดดันทั้งหมดตอนนี้อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีความรู้สึกหวาดหวั่นออกมาจากทีมของเราเลย เราไม่ได้เล่นด้วยความกลัว และเราไม่เคยรู้สึกประหม่าในการลงสนาม ตอนนี้จังหวะการเล่นเป็นของเรา"

        นอกจากนี้ ยัง เชื่อว่า แมนฯ ซิตี้ จะสะดุดขาตัวเอง เนื่องจากเกิดอาการประหม่า "ผมคิดว่า พวกเขากลัวปฏิกิริยาตอบโต้ของเราแล้ว มีหลายคนกาชื่อเราออกจากการลุ้นแชมป์ตั้งแต่ต้นซีซั่น ตอนที่ ซิตี้ นำเรา 7 คะแนน แต่เราก็ทำงานของเราอย่างเงียบๆ และตอนนี้เรากลับมาแล้ว"

รูนชูเวลเบ็คสุดเจ๋งหนุนซิวแข้งแห่งปีผีแดง 12bet






เวย์น รูนี่ย์ ดาวยิง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยกย่อง แดนนี่ เวลเบ็ค หัวหอกรุ่นน้อง ว่าพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ดี ทั้งกับสโมสร และทีมชาติอังกฤษ จึงสมควรแล้วที่จะได้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทีม "ปีศาจแดง" ตามสายตาของเขา 




        เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าพันธุ์ระห่ำของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า และทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ป่าวประกาศล่วงหน้าเลยว่า เขาจะเลือกโหวตให้ แดนนี่ เวลเบ็ค ดาวยิงวัยรุ่นรุ่นน้อง เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทีม "ปีศาจแดง" เนื่องจากพัฒนาตัวเองขึ้นมาทำผลงานช่วยทีมได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังมีชื่อพรวดเข้าไปเป็นสมาชิกทีม "สิงโตคำราม" อังกฤษ ได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้วด้วย  

        เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เปิดโอกาสให้ เวลเบ็ค เล่นอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในซีซั่นนี้ หลังย้ายไปทำผลงานกับ ซันเดอร์แลนด์ แบบยืมตัวได้อย่างน่าประทับใจ และตอนนี้ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะ เวลเบ็ค เป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม และเป็นคู่ขาตัวหลักของ รูนี่ย์ มากกว่า ฮาเวียร์ ชิชาริโต้ ไปจนถึง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ทำให้ ดาวยิงหมายเลข 10 บอกเลยว่า นี่แหละคือนักเตะแห่งปีของทีมตามสายตาเขา     

        "มีนักเตะลุ้นรางวัลนักเตะแห่งปีอยู่ 2-3 คน แต่ผมต้องขอบอกว่าต้องแป็น เวลเบ็ค เขาเล่นดีมาก และการใช้เวลามากมายทุ่มเทฝึกซ้อมการยิงประตูส่งผลตอบแทนแล้ว ผมคิดว่าเขาจะเป็นนักที่ยิ่งใหญ่ได้ ไม่ใช่แค่กับ ยูไนเต็ด เท่านั้น แต่รวมถึงกับทีมชาติอังกฤษด้วย" 

        "เขานำเอาพลังเหลือเฟือมาสู่ทีม เขาทำงานหนัก ขยัน และเป็นนักเตะประเภทที่จ้องจะกระโจนหากองหลังเสมอ ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องเยี่ยม เพราะทำให้ผมมีพื้นที่เล่นกับบอลมากขึ้น ผมพยายามช่วยรุ่นน้องเสมอ และผมก็คุยกับ แดนนี่ มากเป็นพิเศษ เขายังเด็ก และบางครั้งนักเตะดาวรุ่งก็ต้องการคำชี้แนะ ทั้งเวลาลงสนาม หรือตอนซ้อม เพื่อที่พวกเขาจะได้เค้นเอาสิ่งที่ดีที่สุดของตัวเองออกมา"

สิงห์หืดจับ!เมยเรเลสซัดชัยเฉือนเบนฟิก้า2-1 12bet






ราอูล เมยเรเลส ตัวสำรองที่ลงมาซัดประตูชัยให้ "สิงห์บลูส์" เชลซี หนึ่งเดียวจากเกาะอังกฤษ เฉือนชนะ เบนฟิก้า 10 ตัวหวิว 2-1 ยังสามารถเอาตัวรอดผ่านเข้ารอบไปเจอ "แชมป์เก่า" บาร์เซโลน่า ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ 4 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา




ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 
รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง ฤดูกาล 2011-12 
วันพุธที่ 4 เมษายน 2555
เชลซี (อังกฤษ) 2 - 1 เบนฟิก้า (โปรตุเกส)
(รวมผลสองนัด เชลซี ชนะ 3-1)




สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์



        เชลซีถือความได้เปรียบอยู่พอสมควรหลังบุกไปชนะมาก่อน 1-0  และได้ดาวิด ลุยซ์หายเจ็บข้อเท้าทันเวลา แต่ปรับทัพจากเกมแรกสองรายให้แฟร้งค์ แลมพาร์ดและบรานิสลาฟ อิวาโนวิชที่พลาดนัดก่อนเนื่องจากเดี้ยงกลับมาเป็นตัวจริง

        ส่วนเบนฟิก้าบุกมาเยือนในสภาพที่น่าเป็นห่วงไม่มีสองเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักทั้งชาร์เดล และลุยเซากัปตันที่บาดเจ็บทำให้มักซี่ เปเรยร่าได้สวมปลอกแขน แถมต้องใช้งานฆาบี้ การ์เซียมิดฟิลด์สวมบทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจำเป็น

        ทีมเหยี่ยวลิสบอนเน้นเกมรุกทันทีที่มีเสียงนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้น แต่เกือบโดนดีก่อนจากลูกเตะมุมด้านซ้ายของเจ้าบ้านในนาทีที่ 9 ซึ่งลุยซ์ได้ตะบันเหน่งๆที่เสาไกล ดีที่ว่าโจน กัปเดบิล่าแหย่ขาสกัดบอลเปลี่ยนทิศให้หลุดกรอบได้ทัน

        จากนั้นอีกสามนาที สิงห์บลูส์ก็ได้เสียวอีกเมื่อซาโลมง กาลูแทงบอลจากแถวสองให้ฆวน มาต้าหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษด้านซ้ายไปซัดผ่านอาร์ตูร์เสียบเสาไกล แต่ไม่เป็นสกอร์เนื่องจากขุนพลทีมชาติสเปนล้ำหน้า

        ล่วงมาถึงนาทีที่ 19 ออสการ์ คาร์โดโซ่ก็โดนจดชื่อในจังหวะทำฟาวล์ลุยซ์ และนาทีต่อมาจากการวางบอลยาวของเชลซี แอชลีย์ โคลก็ตามไปเก็บในเขตโทษด้านซ้ายได้แล้วโดนการ์เซียชนล้ม ผู้ตัดสินจึงมอบลูกโทษให้เจ้าบ้านและแจกใบเหลืองให้กองหลังจำเป็นของเบนฟิก้าก่อนที่แลมพาร์ดจะสังหารผ่านมืออาร์ตูร์อย่างเฉียดฉิวพาตัวแทนหนึ่งเดียวจากอังกฤษนำ 1-0 โดยบรูโน่ เซซาร์ และมักซี่ เปเรยร่ารับใบเหลืองเช่นกันจากการโวยใส่เชิ้ตดำที่เป่าเป็นลูกโทษ

        ดวลกันมาถึงนาทีที่ 27 ปาโบล ไอมาร์ก็รับใบเหลืองอีกรายจากการทำฟาวล์ แต่อีกสามนาทีต่อมา ไอมาร์ถูกจอห์น โอบี มิเกลแซะล้มจนเป็นลูกฟรีคิก ทีมเยือนจึงโยนเข้าเขตโทษแล้วแอ๊กเซล วิทเซลโขกตั้งให้คาร์โดโซ่วอลเลย์เต็มๆจาก 15 หลาถูกจอห์น เทอร์รี่ที่คุมเสาอยู่เตะทิ้งได้แม้บอลจะผ่านมือปีเตอร์ เช็กไปแล้ว

        กระทั่งนาทีที่ 38 อิวาโนวิชก็ได้ใบเหลืองข้อหาเกี่ยวนิโกลัส ไกตานล้มพร้อมทั้งเป็นลูกฟรีคิกระยะ 25 หลาหน้าเขตโทษด้านซ้าย แต่ไอมาร์ซัดติดกำแพง

        และแล้วอีกสองนาทีต่อมา งานของเชลซีก็ง่ายขึ้นเป็นกองเมื่อมักซี่ เปเรยร่าได้ใบเหลืองอีกใบในจังหวะทำฟาวล์โอบี มิเกลแถวกลางสนาม เบนฟิก้าจึงเหลือแค่สิบคน

        ขยับมาถึงนาทีที่ 44 รามิเรสเหยียบใส่คู่แข่งจึงมีใบเหลืองเป็นของแถมอีกราย จบครึ่งแรกสิงห์บลูส์จึงนำไปก่อน 1-0

        ครึ่งหลังทีมจากแดนฝอยทองจำต้องบุกแหลกแม้จะมีผู้เล่นน้อยกว่า และนาทีที่ 49 ไกตานก็ผ่านบอลจากกราบซ้ายมาให้คาร์โดโซ่ซัลโวระยะ 18 หลาถูกเช็กบินปัดพ้นคานด้วยปลายนิ้ว

        กระนั้นนาทีต่อมา เจ้าถิ่นก็ตอบโต้ทันควันจนน่าจะได้ประตูเพิ่มจากการสาดบอลยาวทางขวาข้ามฟากเข้าเขตโทษให้กาลูซัดมุมแคบผ่านอาร์ตูร์ไปเสาไกล แต่รามิเรซเข้าชาร์จเผาขนวืดเหลือเชื่อ เลยถูกเคลียร์ทิ้งได้อย่างหวุดหวิด

        นาทีที่ 53 สิงห์บลูส์เกือบมีสกอร์อีกหนเมื่อตอร์เรสเก็บบอลได้หน้าเขตโทษแล้วกลับตัวยิงจาก 18 หลาถูกเอเมอร์สันแหย่ขาสกัดบอลปลิ้นออกนอกกรอบไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

        ล่วงมาอีกสี่นาทีตอร์เรสทำชิ่งคืนให้มาต้าทะลุเข้ากดในเขตโทษด้านซ้ายระยะ 16 หลา แต่อาร์ตูร์เซฟได้เยี่ยมก่อนที่ทีมเยือนจะเปลี่ยนเนลสัน โอลิเวียร่าลงไปแทนคาร์โดโซ่ในอึดใจต่อมา

        ด้านเจ้าบ้านถอดเทอร์รี่ออกในนาทีที่ 60 โดยมีแกรี่ เคฮิลล์ถูกส่งลงไปแทน ขณะที่เบนฟิก้าส่งยันนิค ฌาโล่ลงเล่นอีกรายในนาทีที่ 62 เสียบแทนไกตาน

        นาทีที่ 70 เชลซีทิ้งโอกาสได้สกอร์เพิ่มไปอีกเมื่อกาลูเลื้อยขึ้นทางซ้ายแล้วจ่ายบอลเข้าเขตโทษคืนให้มาต้าสอดเข้ากระทุ้ง แต่บอลเฉี่ยวเสาสองไปนิดเดียวก่อนที่เบนฟิก้าจะส่งโรดริโก้ลงไปเป็นตัวสำรองรายสุดท้ายในนาทีที่ 72 แทนบรูโน่ เซซาร์

        นาทีที่ 85 โอกาสของทีมเยือนเริ่มกลับมา จากลูกเตะมุมเปิดมาหน้าปากประตูเป็น ฆาบี การ์เซีย ที่โฉบโหม่งตัดหน้า ปีเตอร์ เช็ก เข้าไปให้ เบนฟิก้า ไล่ตามตเสมอเป็น 1-1

        ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ สิงโตน้ำเงินครามมาได้ประตูชัยจากจังหวะที่ ราอูล เมยเรเลส ตัดบอลได้จากกลางสนาม ก่อนจะลากเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ ซัดด้วยขวาลูกไซด์ก้อยหนีมือผู้รักษาประตูเข้าไปอย่างสวยงาม จบเกมสิงโตน้ำเงินครามจึงคว้าชัยไป 2-1 รวมผลสองนัดชนะ 3-1 หลุดเข้าไปตัดเชือกกับ "แชมป์เก่า" บาร์เซโลน่านัดแรกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์วันที่ 18 เม.ย. 




รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด ลุยซ์, จอห์น เทอร์รี่ (กัปตันทีม) (แกรี่ เคฮิลล์ น.60), แอชลี่ย์ โคล - จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด - รามิเรส, ฆวน มาต้า (ราอูล เมยเรเลส น.79), ซาโลมง กาลู - เฟร์นานโด ตอร์เรส (ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา น.88)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : รอสส์ เทิร์นบูลล์ (ผู้รักษาประตู), ไมเคิ่ล เอสเซียง, เปาโล แฟร์เรยร่า, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
ใบเหลือง : บรานิสลาฟ อิวาโนวิช น.38, รามิเรส น.44, จอห์น โอบี มิเกล น.79


เบนฟิก้า: อาร์ตูร์ - มักซี่ เปเรยร่า (กัปตันทีม), ฆาบี การ์เซีย, เอแมร์สัน, โจน กัปเดบีล่า - อักเซล วิตเซล, เนมานย่า มาติช, บรูโน่ เซซ่าร์ (โรดริโก้ น.73) - ปาโบล ไอมาร์, ออสการ์ คาร์โดโซ่ (เนลสัน โอลิเวยร่า น.57), นิโคลัส ไกตาน (ยันนิก ฌาโล่ น.61)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : เอดูอาร์โด้ (ผู้รักษาประตู), โนลิโต้, ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า, อันเดร อัลเมยด้า
ใบเหลือง : ออสการ์ คาร์โดโซ่ นง19, บรูโน่ เซซ่าร์ น.21, มักซี่ เปเรยร่า น.21, ปาโบล ไอมาร์ น.27
ใบแดง : มักซี่ เปเรยร่า น.40


ผู้ตัดสิน : ดามีร์ สโคมิน่า (สโลวีเนีย)

สิงห์หืดจับ!เมยเรเลสซัดชัยเฉือนเบนฟิก้า2-1 12bet 5/4/12




ราอูล เมยเรเลส ตัวสำรองที่ลงมาซัดประตูชัยให้ "สิงห์บลูส์" เชลซี หนึ่งเดียวจากเกาะอังกฤษ เฉือนชนะ เบนฟิก้า 10 ตัวหวิว 2-1 ยังสามารถเอาตัวรอดผ่านเข้ารอบไปเจอ "แชมป์เก่า" บาร์เซโลน่า ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ 4 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา




ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 
รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง ฤดูกาล 2011-12 
วันพุธที่ 4 เมษายน 2555
เชลซี (อังกฤษ) 2 - 1 เบนฟิก้า (โปรตุเกส)
(รวมผลสองนัด เชลซี ชนะ 3-1)




สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์



        เชลซีถือความได้เปรียบอยู่พอสมควรหลังบุกไปชนะมาก่อน 1-0  และได้ดาวิด ลุยซ์หายเจ็บข้อเท้าทันเวลา แต่ปรับทัพจากเกมแรกสองรายให้แฟร้งค์ แลมพาร์ดและบรานิสลาฟ อิวาโนวิชที่พลาดนัดก่อนเนื่องจากเดี้ยงกลับมาเป็นตัวจริง

        ส่วนเบนฟิก้าบุกมาเยือนในสภาพที่น่าเป็นห่วงไม่มีสองเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักทั้งชาร์เดล และลุยเซากัปตันที่บาดเจ็บทำให้มักซี่ เปเรยร่าได้สวมปลอกแขน แถมต้องใช้งานฆาบี้ การ์เซียมิดฟิลด์สวมบทเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจำเป็น

        ทีมเหยี่ยวลิสบอนเน้นเกมรุกทันทีที่มีเสียงนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้น แต่เกือบโดนดีก่อนจากลูกเตะมุมด้านซ้ายของเจ้าบ้านในนาทีที่ 9 ซึ่งลุยซ์ได้ตะบันเหน่งๆที่เสาไกล ดีที่ว่าโจน กัปเดบิล่าแหย่ขาสกัดบอลเปลี่ยนทิศให้หลุดกรอบได้ทัน

        จากนั้นอีกสามนาที สิงห์บลูส์ก็ได้เสียวอีกเมื่อซาโลมง กาลูแทงบอลจากแถวสองให้ฆวน มาต้าหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษด้านซ้ายไปซัดผ่านอาร์ตูร์เสียบเสาไกล แต่ไม่เป็นสกอร์เนื่องจากขุนพลทีมชาติสเปนล้ำหน้า

        ล่วงมาถึงนาทีที่ 19 ออสการ์ คาร์โดโซ่ก็โดนจดชื่อในจังหวะทำฟาวล์ลุยซ์ และนาทีต่อมาจากการวางบอลยาวของเชลซี แอชลีย์ โคลก็ตามไปเก็บในเขตโทษด้านซ้ายได้แล้วโดนการ์เซียชนล้ม ผู้ตัดสินจึงมอบลูกโทษให้เจ้าบ้านและแจกใบเหลืองให้กองหลังจำเป็นของเบนฟิก้าก่อนที่แลมพาร์ดจะสังหารผ่านมืออาร์ตูร์อย่างเฉียดฉิวพาตัวแทนหนึ่งเดียวจากอังกฤษนำ 1-0 โดยบรูโน่ เซซาร์ และมักซี่ เปเรยร่ารับใบเหลืองเช่นกันจากการโวยใส่เชิ้ตดำที่เป่าเป็นลูกโทษ

        ดวลกันมาถึงนาทีที่ 27 ปาโบล ไอมาร์ก็รับใบเหลืองอีกรายจากการทำฟาวล์ แต่อีกสามนาทีต่อมา ไอมาร์ถูกจอห์น โอบี มิเกลแซะล้มจนเป็นลูกฟรีคิก ทีมเยือนจึงโยนเข้าเขตโทษแล้วแอ๊กเซล วิทเซลโขกตั้งให้คาร์โดโซ่วอลเลย์เต็มๆจาก 15 หลาถูกจอห์น เทอร์รี่ที่คุมเสาอยู่เตะทิ้งได้แม้บอลจะผ่านมือปีเตอร์ เช็กไปแล้ว

        กระทั่งนาทีที่ 38 อิวาโนวิชก็ได้ใบเหลืองข้อหาเกี่ยวนิโกลัส ไกตานล้มพร้อมทั้งเป็นลูกฟรีคิกระยะ 25 หลาหน้าเขตโทษด้านซ้าย แต่ไอมาร์ซัดติดกำแพง

        และแล้วอีกสองนาทีต่อมา งานของเชลซีก็ง่ายขึ้นเป็นกองเมื่อมักซี่ เปเรยร่าได้ใบเหลืองอีกใบในจังหวะทำฟาวล์โอบี มิเกลแถวกลางสนาม เบนฟิก้าจึงเหลือแค่สิบคน

        ขยับมาถึงนาทีที่ 44 รามิเรสเหยียบใส่คู่แข่งจึงมีใบเหลืองเป็นของแถมอีกราย จบครึ่งแรกสิงห์บลูส์จึงนำไปก่อน 1-0

        ครึ่งหลังทีมจากแดนฝอยทองจำต้องบุกแหลกแม้จะมีผู้เล่นน้อยกว่า และนาทีที่ 49 ไกตานก็ผ่านบอลจากกราบซ้ายมาให้คาร์โดโซ่ซัลโวระยะ 18 หลาถูกเช็กบินปัดพ้นคานด้วยปลายนิ้ว

        กระนั้นนาทีต่อมา เจ้าถิ่นก็ตอบโต้ทันควันจนน่าจะได้ประตูเพิ่มจากการสาดบอลยาวทางขวาข้ามฟากเข้าเขตโทษให้กาลูซัดมุมแคบผ่านอาร์ตูร์ไปเสาไกล แต่รามิเรซเข้าชาร์จเผาขนวืดเหลือเชื่อ เลยถูกเคลียร์ทิ้งได้อย่างหวุดหวิด

        นาทีที่ 53 สิงห์บลูส์เกือบมีสกอร์อีกหนเมื่อตอร์เรสเก็บบอลได้หน้าเขตโทษแล้วกลับตัวยิงจาก 18 หลาถูกเอเมอร์สันแหย่ขาสกัดบอลปลิ้นออกนอกกรอบไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

        ล่วงมาอีกสี่นาทีตอร์เรสทำชิ่งคืนให้มาต้าทะลุเข้ากดในเขตโทษด้านซ้ายระยะ 16 หลา แต่อาร์ตูร์เซฟได้เยี่ยมก่อนที่ทีมเยือนจะเปลี่ยนเนลสัน โอลิเวียร่าลงไปแทนคาร์โดโซ่ในอึดใจต่อมา

        ด้านเจ้าบ้านถอดเทอร์รี่ออกในนาทีที่ 60 โดยมีแกรี่ เคฮิลล์ถูกส่งลงไปแทน ขณะที่เบนฟิก้าส่งยันนิค ฌาโล่ลงเล่นอีกรายในนาทีที่ 62 เสียบแทนไกตาน

        นาทีที่ 70 เชลซีทิ้งโอกาสได้สกอร์เพิ่มไปอีกเมื่อกาลูเลื้อยขึ้นทางซ้ายแล้วจ่ายบอลเข้าเขตโทษคืนให้มาต้าสอดเข้ากระทุ้ง แต่บอลเฉี่ยวเสาสองไปนิดเดียวก่อนที่เบนฟิก้าจะส่งโรดริโก้ลงไปเป็นตัวสำรองรายสุดท้ายในนาทีที่ 72 แทนบรูโน่ เซซาร์

        นาทีที่ 85 โอกาสของทีมเยือนเริ่มกลับมา จากลูกเตะมุมเปิดมาหน้าปากประตูเป็น ฆาบี การ์เซีย ที่โฉบโหม่งตัดหน้า ปีเตอร์ เช็ก เข้าไปให้ เบนฟิก้า ไล่ตามตเสมอเป็น 1-1

        ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ สิงโตน้ำเงินครามมาได้ประตูชัยจากจังหวะที่ ราอูล เมยเรเลส ตัดบอลได้จากกลางสนาม ก่อนจะลากเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ ซัดด้วยขวาลูกไซด์ก้อยหนีมือผู้รักษาประตูเข้าไปอย่างสวยงาม จบเกมสิงโตน้ำเงินครามจึงคว้าชัยไป 2-1 รวมผลสองนัดชนะ 3-1 หลุดเข้าไปตัดเชือกกับ "แชมป์เก่า" บาร์เซโลน่านัดแรกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์วันที่ 18 เม.ย. 




รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด ลุยซ์, จอห์น เทอร์รี่ (กัปตันทีม) (แกรี่ เคฮิลล์ น.60), แอชลี่ย์ โคล - จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด - รามิเรส, ฆวน มาต้า (ราอูล เมยเรเลส น.79), ซาโลมง กาลู - เฟร์นานโด ตอร์เรส (ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา น.88)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : รอสส์ เทิร์นบูลล์ (ผู้รักษาประตู), ไมเคิ่ล เอสเซียง, เปาโล แฟร์เรยร่า, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
ใบเหลือง : บรานิสลาฟ อิวาโนวิช น.38, รามิเรส น.44, จอห์น โอบี มิเกล น.79


เบนฟิก้า: อาร์ตูร์ - มักซี่ เปเรยร่า (กัปตันทีม), ฆาบี การ์เซีย, เอแมร์สัน, โจน กัปเดบีล่า - อักเซล วิตเซล, เนมานย่า มาติช, บรูโน่ เซซ่าร์ (โรดริโก้ น.73) - ปาโบล ไอมาร์, ออสการ์ คาร์โดโซ่ (เนลสัน โอลิเวยร่า น.57), นิโคลัส ไกตาน (ยันนิก ฌาโล่ น.61)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : เอดูอาร์โด้ (ผู้รักษาประตู), โนลิโต้, ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า, อันเดร อัลเมยด้า
ใบเหลือง : ออสการ์ คาร์โดโซ่ นง19, บรูโน่ เซซ่าร์ น.21, มักซี่ เปเรยร่า น.21, ปาโบล ไอมาร์ น.27
ใบแดง : มักซี่ เปเรยร่า น.40


ผู้ตัดสิน : ดามีร์ สโคมิน่า (สโลวีเนีย) 

โด้ฮอตกระทุ้งสอง!ชุดขาวถล่มอาโปเอล5-2 12bet 5/4/12






คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงต่อเนื่องหลังซัดคนเดียว 2 ลูก ช่วยให้ เรอัล มาดริด ถล่ม อาโปเอล นิโคเซีย 5-2 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบกับ บาเยิร์น มิวนิค ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ 4 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา




ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 
รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง ฤดูกาล 2011-12 
วันพุธที่ 4 เมษายน 2555
เรอัล มาดริด (สเปน) 5 - 2 อาโปเอล นิโคเซีย (ไซปรัส)
(รวมผลสองนัด เรอัล มาดริด ชนะ 8-2)




สนาม: เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, มาดริด 



        "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด จ่าฝูงลา ลีกา สเปน ฟอร์มสุดยอดเหลือเกิน บุกไปขย้ำ อาโปเอล นิโคเซีย ของไซปรัส มายับเยิน 3-0 ถึงถิ่นจีเอสพี สเตเดี้ยม ในนัดแรก 

        เกมนี้ ทีมชุดขาวไม่มี ซามี เคดิร่า มิดฟิลด์ตัวตัดเกมทีมชาติเยอรมันมีอาการป่วย ส่วน ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ยังเดี้ยงไม่เลิก แต่ได้ เปเป้ กลับมายืนในแนวรับร่วมกับ ราฟาแอล วาราน แล้วขยับ เซร์คิโอ รามอส ไปเป็นแบ็คขวา 

        แดนกลางให้ ฮามิต อัลตินท็อป ลงมาทำเกมรุกทางด้านขวา โดยมี กาก้า บงการเกมตรงกลาง และ ด้านซ้ายเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุกีส โดย เมซุต โอซิล มีชื่อเป็นแค่สำรองเช่นเดียวกับ ชาบี อลอนโซ่ ที่พ้นแบนกลับมา 

        หน้าเป้าเป็น กอนซาโล่ อิกวาอีน ดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์ ซึ่งเพิ่งพังตาข่ายให้เรอัล ครบ 101 ประตูในนัดดับซ่าส์ โอซาซูน่า ลงมาล่าตาข่าย 

        ทางด้าน อาโปเอล นิโคเซีย ไม่มี ปานอส คอนสตานตินู ที่มีอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ มาร์เซโล่ โอลิเวยร่า กองหลังที่เจ็บจากเกมนัดแรก ต้องพักทั้งซีซั่น แต่ได้ตัว กุสตาโว่ มันดูก้า กองกลางจอมทัพชาวบราซิล พ้นโทษแบนกลับมา

        ในแนวรับให้ เคลาเดียโน่ กาก้า กองหลังวัย 30 ปี ชาวบราซิเลี่ยนอีกรายที่ยืมมาจากแฮร์ธ่า เบอร์ลิน ลงมาเล่นแทนตำแหน่งของ มาร์เซโล่ โอลิเวยร่า 

        ก่อนเริ่มเกมนี้ได้มีพิธียืนไว้อาลัยเป็นเวลาหนึ่งนาทีให้กับ โฆเซ่ ซาร์ราก้า อดีตกองกลางระดับตำนานของทีมที่อยู่ในชุดคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพห้าปีซ้อนระหว่างปี 1956-60 ซึ่งเสียชีวิตด้วยวัย 81 ปี เมื่อวันอังคารที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา พร้อมทั้งผู้เล่นของเรอัลชุดปัจจุบันทุกรายได้สวมปลอกแขนดำแสดงความเคารพต่อ ซาร์ราก้าด้วย

        ออกสตาร์ทครึ่งแรกไปได้แค่ 2 นาที ชุดขาว ได้ลุ้นก่อนเลย จากจังหวะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สับขาหลอกกองหลังของอโปเอล ก่อนผ่านเข้ากลาง ผู้เล่นทีมเยือนสกัดไม่ดีมาเข้าทางของ กอนซาโล่ อิกวาอีน โหม่งหลุดเสาแรกไป 

        สามนาทีต่อมา เจ้าบ้านได้ลุ้นจากจังหวะที่ กาก้า ผ่านเข้าในกองหลังของอาโปเอล สกัดไม่ดีเลยโดน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตะบันด้วยซ้ายจ่อๆ แต่ไปติดตัว อูร์โก้ ปาร์โด้ นายทวารของอาโปเอล บล็อคบอลออกหลังไปได้ทัน

        เกมเป็นแบบวันเวย์ เรอัล มาดริด สนุกอยู่ข้างเดียว กาก้า จ่ายให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดด้วยขวาบอลโด่งข้ามคานไปในนาทีที่ 12 

        อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 26 เจ้าถิ่นได้ประตูขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่ มาร์เซโล่ ผ่านบอลจากซ้ายเข้ากลาง กอนซาโล่ อิกวาอีน โหม่งโดนบางๆบอลมาทาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เติมมาทางเสาสองแปด้วยขวาจ่อๆเข้าไปให้ เรอัล มาดริด นำก่อน 1-0 และเป็นประตูที่ 7 ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ขึ้นมาทาบ คาริม เบนเซม่า เพื่อนร่วมทีมแล้ว 

        ครึ่งชั่วโมงของเกม อาโปเอล นิโคเซีย ได้ลุ้นเป็นครั้งแรกจากจังหวะที่ กุสตาโว่ มันดูก้า ผ่านบอลให้กับ เฮลิโอ ปินโต้ ซัดหลุดกรอบออกไป 

        ชุดขาว บดต่อเนื่องมีโอกาสอีกในนาที 35 กอนซาโล่ อิกวาอีน ไหลให้กับ ฮามิต อัลตินท็อป ตะบันหลุดเป้าไป 

        อย่างไรก็ตาม เรอัล มาดริด มาได้ประตูนำห่าง 2-0 จนได้ในนาทีที่ 36 เมื่อ มาร์เซโล่ พาบอลขึ้นมาทางซ้ายไหลย้อนกลับมาให้กับ กาก้า กองกลางเพื่อนร่วมชาติชาวบราซิเลี่ยน จับแล้วปั่นโค้งด้วยขวาจากนอกกรอบเขตโทษด้านซ้ายส่งบอลเลี้ยวเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างงดงาม 

        เกมรุกของเรอัล ดุดันเหลือเกินทำชิ่งกันขึ้นมาสวย ก่อนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะผ่านเข้ากลางให้กับ กาก้า ยิงโค้งด้วยขวาบอลไปชนเสาออกมาอย่างน่าเสียดายในนาทีที่ 41 

        สี่นาทีต่อมา เรอัล มาดริด ได้ลุ้นจากจังหวะที่ นูรี่ ซาฮิน เปิดให้กับ ราฟาแอล วาราน ซัดไม่เข้ากรอบ หมดครึ่งแรก เรอัล มาดริด นำก่อน 2-0 

        กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง เรอัล เปลี่ยนเอา มาร์เซโล่ วิเอยร่า ออกมาพักแล้วให้ โฆเซ่ กาเยฆอน ที่หายเจ็บกลับมาลงสนามแทน 

        ชุดขาว ยังเดินเครื่องบุกต่อ มีโอกาสในนาทีที่ 50 โรนัลโด้ ไหลเข้าในให้กับ กาก้า ซัดบอลไม่เข้ากรอบ 

        หลังจากนั้นห้านาที เรอัล เปลี่ยนเอา อังเคล ดิ มาเรีย ปีกซ้ายชาวอาร์เจนไตน์ ที่กลับมาฟิตแล้ว ลงมาเล่นแทน กอนซาโล่ อิกวาอีน เพื่อนร่วมชาติ 

        ฮาโปเอล ยังสู้อยู่ นูโน่ โมราอิส ไหลบอลให้กับ คอนสแตนตินอส ชาราลัมบิเดส กัปตันทีมกระหน่ำยิงแต่บอลไม่ตรงกรอบ ในนาทีที่ 55 

        จากนั้นนาที 65 เจ้าบ้านเปลี่ยนผู้เล่นเป็นคนสุดท้ายให้ ราอูล อัลบิโอล ลงมายืนในแดนกลางแทน เอสเตบัน กราเนโร่ 

        สองนาทีต่อมา ทีมเยือนได้ประตูไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 จากจังหวะที่ต่อบอลกันสวยงามเป็นทอดๆตั้งแต่แดนกลาง ก่อนที่ ไอล์ตัน จะผ่านทะลุขึ้นหน้าให้กับ กุสตาโว่ มานดูก้า สอดมาทางกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนแปด้วยซ้ายผ่าน กาซียาส เข้าไป พอยิงได้ มานดูก้า โดนเปลี่ยนตัวออกทันทีให้ อัลโด้ อดอร์โน่ ลงมาเล่นแทน 

        พอได้ประตูไล่มา อาโปเอล มีกำลังใจมากขึ้น เกือบได้ประตูตีเสมอ เอสเตบัน โซลารี่ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาไหลให้กับ คอนสแตนตินอส ชาราลัมบิเดส หวดหลุดกรอบไปในนาทีที่ 70 

        ห้านาทีต่อมา ชุดขาว มาได้ประตูที่สามจากจังหวะที่ได้ฟรีคิกทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะปั่นโค้งด้วยขวาส่งบอลเลี้ยวเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงามให้ เรอัล มาดริด นำขาด 3-1 เป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ และเป็นประตูที่ 8 ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ 

        ท้ายเกมนาทีที่ 80 เรอัล มาดริด มาได้ประตูนำขาด 4-1 จากจังหวะที่ อังเคล ดิ มาเรีย วางบอลยาวจากทางด้านขวาไปทางกราบซ้ายใกับ โฆเซ่ กาเยฆอน พักอกแล้วลากมาหวดด้วยขวาเบียดเสาแรกเข้าไป 

        สองนาทีต่อมา อาโปเอล ไล่ขึ้นมาเป็น 2-4 จากจังหวะที่ ราอูล อัลบิโอล ไปเสียบ ซัตซิอาส ตัวสำรองร่วงในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที ก่อนที่ เอสเตบัน โซลารี่ รับหน้าที่ยิงเข้าไปอย่างเหนือชั้น 

        เรอัล มาบีบแย่งบอลไปได้ ก่อนที่ อังเคล ดิ มาเรีย จะพาบอลเข้าไปชิปด้วยซ้ายเข้าไปอย่างเหนือชั้นให้ ชุดขาว นำขาด 5-2 ในนาทีที่ 84 

        เวลาที่เหลือทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้อีก จบเกม เรอัล มาดริด เปิดบ้านทุบเอาชนะ อาโปเอล นิโคเซีย ไปสบาย 5-2 รวมผลสองนัด เรอัล มาดริด เข้ารอบรองชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 8-2 โดยเกมแรกของรอบรองฯ เรอัล มาดริด จะบุกไปเยือน บาเยิร์น มิวนิค ในวันอังคารที่ 17 เมษายน นี้ 




รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เรอัล มาดริด : อีเกร์ กาซียาส (กัปตันทีม) - เซร์คิโอ รามอส, ราฟาแอล วาราน, เปเป้, มาร์เซโล่ วิเอยร่า (โฆเซ่ กาเยฆอน น.46) - นูรี่ ซาฮิน, เอสเตบาน กราเนโร่ (ราอูล อัลบิโอล น.65) - ฮามิต อันตินท็อป, กาก้า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - กอนซาโล่ อิกวาอีน (อังเคล ดิ มาเรีย น.55)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : อันโตนิโอ อาดาน (ผู้รักษาประตู), คาริม เบนเซม่า, เมซุต โอซิล, ชาบี อลอนโซ่
ใบเหลือง : -


อาโปเอล นิโคเซีย : อูร์โก้ ปาร์โด้ - ซาฟวาส ปูร์ไซติเดส, เปาโล จอร์จ, เคลาเดียโน่ กาก้า, วิลเลี่ยม เบาเวนตูร่า - นูโน่ โมราอิส, เฮลิโอ ปินโต้ (มารินอส ซัตซิอาส น.78) - คอนสแตนตินอส ชาราลัมบิเดส (กัปตันทีม), มาร์ซินโญ่, กุสตาโว่ มันดูก้า (อัลโด้ อดอร์โน่ น.68) - ไอล์ตัน (เอสเตบัน โซลารี่ น.70)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : ดิโอนิซิออส คิโอติส (ผู้รักษาประตู), มาริออส อิเลีย, เน็คตาริออส อเลซานดรู, เอลแดร์ ซูซ่า
ใบเหลือง : ซาฟวาส ปูร์ไซติเดส น.75

วิเคราะห์บอล UEFA CHAMPIONS LEAGUE : Real Madrid - APOEL Nicosia 12BET 05/04/55 01:45น.

UEFA CHAMPIONS LEAGUE
LIVE 01:45AM Real Madrid - APOEL Nicosia
วิเคราะห์บอล :
          ตามหลักความเป็นจริง สกอร์ 3-0 ที่ตุนเอาไว้เกมแรกก็น่าจะเพียงพอต่อการส่ง เรอัล มาดริด เข้ารอบตัดเชือกไปแบบไม่ยากเย็น ทว่าแมตช์ส่งท้ายหนนี้ได้เล่นในบ้าน และ มูรินโญ่ เป็นกุนซือที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับคิวเฝ้ารังเป็นพิเศษ นับตั้งแต่คุม ปอร์โต้, เชลชี และ อินเตอร์ มิลาน จนสามารถสร้างชื่อให้กับตัวเองและเป็นขวัญใจของเหล่าแฟนบอลทุกสังกัดที่ร่วมหัวจมท้ายกันมา ยิ่งเป็น เรอัล มาดริด ที่กำลังเข้าฟักแบบนี้ (3 แมตช์หลัง ชนะรวด ยิงได้ 13 เม็ด เฉลี่ย 4.33 ลูกต่อเกม) "จ่ามู" คงไม่ยอมให้ลูกทีมผ่อนเครื่องจนมีผลกระเทือนไปถึงฟอร์มการเล่นในช่วงบั้นปลายฤดูกาลที่คั่วสองรายการใหญ่แบบนี้แน่ ประกอบกับเรื่องความศักยภาพ หากตัดเรื่องความใจสู้ออกไป นิโคเซีย ก็แทบไม่เหลือเขี้ยวเล็บมาต่อกรกับเจ้าถิ่น และหากจะหวังบุกปราบ มาดริด เพื่อจาลึกเป็นประวัติศาสตร์สโมสร ก็น่าจะกลายเป็นเข้าทาง "ราชันชุดขาว" ที่มีแนวรุกเฉียบคมกว่าอยู่ดี
ต่อ  Real Madrid  2.5@ 0.920 เดิมพัน 1,000บาท ชนะได้ 1,920 บาท รวมทุน
12BET ฝากเงินระบบใหม่ ไม่ต้องอัพโหลดสลิป ฝากง่าย ปรับยอดไว!!
แนะนำติดต่อสอบถามเบอร์บัญชีปัจจุบันก่อนทำรายการฝากเงินทุกครั้งนะคะ