วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

แบรนด์กีฬาระดับโลก ไนกี้ #12bet


ถ้าพูดถึงแบรนด์กีฬาเจ๋งๆ ในหัวตอนนี้คงมีอยู่ไม่กี่ยีห้อ ซึ่งผมเชื่อว่า “ไนกี้” คงเป็นยี่ห้อแรกๆ ที่นึกออก ทั้งเสื้อผ้ารองเท้าที่ออกแบบได้เยี่ยมยอด แต่น้อยคนคงไม่รู้ประวัติความเป็นมาของ ไนกี้ ซึ่งวันนี้ ติช เต ฉ่อ ขออาสาหยิบยกประวัติที่น่าสนใจมาเล่าให้เพื่อนๆ Sport MThai ได้ทราบกัน
บิลล์ บาวเวอร์แมน
จุดเริ่มต้นของไนกี้เริ่มขึ้นในปี 1962 บิลล์ บาวเวอร์แมน โค้ชกรีฑาของทีมชาติสหรัฐอเมริกา(ดีกรี 6 เหรียญทองในโอลิมปิค) ได้รู้จักกับ ฟิล ไนต์ (ในตอนนั้นเป็นกีฬาวิ่งให้กับมหาวิทยาลัยโอเรกอน) ทั้งคู่มีเป้าหมายที่จะหารองเท้าที่มีความเบาและทนทาน
ไนต์ ได้ทำการค้นคว้าข้อมูลและพบว่ารองเท้ากีฬาจากประเทศญี่ปุ่นมีคุณภาพดี และมีราคาถูกกว่าสินค้ากีฬาจากประเทศเยอรมันซึ่งเป็นผู้นำตลาดในอเมริกาอยู่ขณะนั้น และหลังจากที่ ไนต์ เรียนจบด้านบริหาร จึงได้ออกเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเขาได้มีโอกาสพบกับ Onitsuka Tiger Company โรงงานผลิตรองเท้ากีฬาของญี่ปุ่น และชักชวนให้ Tiger ขยายตลาดเข้ามาในอเมริกา
ฟิล ไนต์
ในปี 1964 บาวเวอร์แมนและ ไนต์ ทั้งคู่ก่อตั้ง Blue Ribbon Sports หรือ BRS โดย ไนต์ มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบทางด้านการเงินและการตลาด ส่วน บาวเวอร์แมน ดูแลทางด้านการพัฒนาออกแบบรองเท้ากีฬา
ในปี 1970 บิลล์ บาวเวอร์แมน ซึ่งรับหน้าที่ด้านการพัฒนารองเท้า ได้คิดค้นพื้นรองเท้าที่ทำจากยางโดยการทดลองเทยางลงในแบบพิมทำ วาฟเฟิล(waffle) ของภรรยาของเขา ทำให้เกิดเป็น waffle outsole ขึ้น ซึ่งรองเท้าหลายๆ รุ่นในช่วงนั้นก็้ได้ใส่ waffle sole ลงไป ไม่ว่าจะเป็น waffle trainer หรือ waffle racer.
และในปีถัด บาวเวอร์แมน จัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่ที่ชื่อว่า Nike Inc. ส่วนคำว่า Nike มาจาก เจฟฟ์ จอห์นสัน พนักงานขายคนแรกของ Blue Ribbon Sports ได้ฝันถึงเทพเจ้านามว่า NIKE (อ่านว่า ไน – กี้) ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งชัยชนะของกรีก หลังจากนั้นเขาจึงนำเรื่องนี้ไปเสนอให้แก่เจ้านาย ต่อมา Nike ถูกใช้เป็นชื่อเรียกของรองเท้าคู่แรกซึ่งเป็นรองเท้าฟุตบอล
และที่มาของ โลโก้ Swoosh (อ่านว่า สะ – วูช) โลโก้ ของ Nike  ลักษะคล้ายเครื่องหมายกาถูก ได้รับการออกแบบโดย คาร์โรไลน์ เดวิดสัน ด้วยราคาค่าออกแบบเพียง 35 ยูเอสดอลล่าร์เท่านั้น โดยเครื่องหมายการค้านี้ได้แรงบรรดาลใจมาจาก ปีก ของเทพธิดา NIKE เทพของชาวกรีก โดยที่อ่านว่า สวูช นั้นก็เพราะเป็นเสียงของลมพัดนั้นเอง
โดยในปี 1972 BRS Inc. และ Onitsuka Tiger ได้แยกบริษัทออกจากกันอันเนื่องจากความขัดแย้งกันทางธุรกิจ ในปีนี้เองทางบริษัทได้ออกแบรนด์ใหม่ชื่อ “ไนกี้” เพื่อเจาะกลุ่มนักกีฬากรีฑาในโอลิมปิค
ปี 1980 ไนกี้ได้ส่วนแบ่ง 50 % ของตลาดรองเท้ากีฬาในอเมริกาและการเติบโตของไนกี้เป็นผลมาจากโฆษณา “Word-to-foot” ซึ่งเป็นโฆษณาแรกของไนกี้ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์โฆษณานี้ ถูกผลิตโดยบริษัทตัวแทนโฆษณา Wieden+Kennedy และยังคงร่วมงานกับไนกี้มาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้สโลแกน “Just do it” อันโด่งดังของ ไนกี้ ซึ่งถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในห้าสโลแกนของศตวรรษที่ 20 ที่ถูกคิดโดย Dan Wieden  นั้นเอง ต่อมาในปี 1981 BRS Inc. และ Nike Inc. ได้รวมบริษัทเข้าด้วยกันจนกันแลัผลิตสินค้าดีๆ มาจนถึงทุกวันนี้
เทพธิดาแห่งชัยชนะ ไนกี้








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น