กว่าจะมาถึงแชมป์ได้ "เผือก เสรีทอง" ต้องเจ็บปวดกับการตกรอบรองชนะเลิศมาถึง 3 ครั้ง แต่ครั้งนี้การเข้ารอบรองชนะเลิศของเขาถือเป็นครั้งที่ 4 และมาประสบความสำเร็จในแบบเกือบตาย เฉือนชนะ "ตี๋เล็ก โคราช" ศุภกิจ หิรัญเกื้อ ไปได้ 4-3 เฟรม ทำให้เผือกทะยานสู่รอบชิงคว้าโควตาจนได้ แต่เขายังไม่หยุดสถิติแค่นี้ เผือกทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเมื่อเข้าชิงต้องแชมป์เท่านั้น โดยออกคิวได้ร้อนแรงไล่ทิ่ม "นัน ปราจีน" อนันต์ สิทธิมงคล นักแม่นรูม้ามืดไปแบบสนุกมือ 5-2 เฟรม คว้าแชมป์ไปครอง ซึ่งเป็นปีที่ 2 ที่สามารถซิวแชมป์ได้
เรียกได้ว่าถ้าครั้งนี้ "เผือก เสรีทอง" ไม่ได้ตั๋วลงแข่งขันรอบสุดท้าย เขาจะต้องสมัครแข่งขันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะประสบความสำเร็จ ซึ่งในปีนี้เผือกลงประลองมาทุกสนาม รวมทั้งสิ้น 8 สนาม โดยต้องบอกเลยว่ายิ่งได้ลงแข่งขันฝีไม้ลายมือยิ่งแข็งแกร่ง ซึ่งเผือกได้กล่าวว่า
"ได้เล่นบ่อยๆ สามารถเรียนรู้ผ้าสักหลาดเป็นอย่างดี แถมฝีมือพัฒนาขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะที่ 147 สนุกเกอร์ คลับ สนาม 8 ผมแทงได้ดีกว่าทุกครั้งที่ลงแข่งขันมาเลยทีเดียว แต่ถ้าเข้ารอบสุดท้าย ต้องแก้ไขเรื่องความนิ่งอีกหน่อย เพราะการแทงของผมยังไม่นิ่งพอ ถ้าจะเข้ารอบลึกๆ ได้ต้องแทงได้แน่นอน ซึ่งในจำนวนนักสนุ้กที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในตอนนี้ รวม 15 คน ผมเคยเจอมาแล้ว 7 คน โดยเกมสนุ้ก 6 แดง สามารถแพ้-ชนะ กันได้หมด ซึ่งในจำนวนนี้ผมว่า "เซ้ง ปากน้ำ" น่ากลัวที่สุด ทั้งประสบการณ์ ความสามารถ และดีกรี เหนือกว่าทุกคน แต่ผมต้องสู้เต็มที่แน่นอน"
เส้นทางสู่ชัยชนะในศึกสนุกเกอร์ 6 แดง แสงโสม โอเพ่น รอบชิงแชมป์ประเทศไทย ของ "เผือก เสรีทอง" จะเป็นยังไงบ้าง ต้องตามลุ้นกันในอีก 2 เดือนข้างหน้า แต่ที่แน่ๆ การคว้าแชมป์สนาม 8 ได้สำเร็จ มันเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุมานะได้เป็นอย่างดี ถึงจะแพ้ในครั้งแรกแต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้ตัวเองชัยชนะต้องเกิดขึ้นสักวัน จนฝันเป็นจริง...จากหนุ่มนักสนุ้กฝีมือธรรมดาๆ เล่นสนุ้กตั้งแต่อายุ 13 ปี แถมก้าวมาสู่การเป็นกรรมการตัดสินกีฬาสนุกเกอร์ จนได้เป็นผู้ตัดสินอินเตอร์ ซึ่งทั้ง 2 อย่างคือชนิดกีฬาเดียวกัน และเผือกทำได้ดีจนแยกไม่ออกว่าอะไรเจ๋งกว่ากัน
จากนี้ไปเกมสอยคิวของจอมคิวโต๊ะตลาดทั่วไปยังเหลืออีก 4 สนาม เท่านั้น เวทีนี้ไม่มีพี่เลี้ยงโควตายังเหลืออีก 8 คนเท่านั้นจะได้ครบ 24 คน โดยสนามต่อไปจะเริ่มขึ้นระหว่าง 24-27 ต.ค. นี้ ที่ จ.ตรัง ซึ่งกิจกรรมดีๆ แจกของที่ระลึกจากแสงโสมมากมาย พร้อมมีจอมคิวระดับแถวหน้าของเมืองไทยจะไปแทงโชว์ให้ชมยังมีเหมือนเดิม และถ้าใครคิดว่านักแม่นรูจากแดนสะตอไม่ค่อยมียอดฝีมือที่แข็งแกร่ง...ท่านอาจคิดผิด ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แชมป์และรองแชมป์อาจเป็นนักกีฬาจากแดนใต้ก็เป็นได้
1 รายการแข่งขัน คนอื่นอาจมองว่าไม่สำคัญ ไม่สามารถพัฒนาวงการสอยคิวไทยได้มาก แต่สำหรับจอมคิวทุกคนแล้ว การเพิ่มเวทีชิงชัยให้มีมากขึ้น แม้แค่ 1 รายการ พวกเขาถือว่ามันสำคัญมากที่จะปลุกกระแสกีฬาสนุกเกอร์ให้กับมาบูมอีกครั้ง...รอวันนั้นต่อไป ถ้าตราบใดที่ยังมีคำว่า ความหวัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น