หลังจากน้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ ต้องพ่ายให้กับนักแบดฯสาวจากจีนไปอย่างน่าเสียดาย 1-2 เซตในการแข่งขันโอลิมปิก 2012 รอบ 8 คนสุดท้ายเมื่อวันพฤหัสที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมาโดยหลังเกม น้องเมย์ ที่เดินร้องไห้มาหาสื่อไทย ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า "รู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ แม้ก่อนแข่งจะรู้ดีว่าคู่ต่อสู้แต่ละคนนั้นมีประสบการณ์มากกว่า แต่เมื่อลงสนามแข่งแล้วความตั้งใจเดียวของเมย์ คือเอาชนะให้ได้วันนี้จุดเปลี่ยนอยู่ในเซตที่สอง ตอนนั้นพยายามจะเร่งเกมเพื่อปิดแมทช์แต่ไปเร่งผิดจังหวะเนื่องจากคู่ต่อสู้กำลังแก้เกมเราอยู่ พอยิ่งเร่งความผิดพลาดก็ยิ่งมากสุดท้ายแล้วเขาก็ตามมาทันแล้วเอาชนะเราไปได้"
ทั้งนี้น้องเมย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "อันที่จริงแล้วเมย์ ใจร้อนมากไปเพราะเวลาลงสนามแข่งแล้วขึ้นนำ ก็ชอบคิดว่าตนเองต้องซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีและคิดว่าประสบการณ์จากการแข่งขันในครั้งนี้จะนำกลับไปปรับปรุงและพัฒนาตนเอง" ส่วนอาการหมดแรงในเซตที่สามรวมไปถึงอาการบาดเจ็บนั้นน้องเมย์กล่าวว่า "ที่หมดแรงในช่วงเซตสามนั้นเป็นเพราะเราใส่หมดในเซตที่สองเนื่องจากต้องการปิดแมทช์ไม่ได้เพื่อแรงไว้พอต้องเล่นต่อเลยไม่ได้เพื่อแรงไว้ แล้วที่บาดเจ็บจนต้องให้แพทย์สนามมาดูนั้นเป็นเพราะรู้สึกแสบที่ฝ่าเท้ามันมีอาการมาตั้งแต่ช่วงปลายเซตสองแล้วแต่ไม่ได้ผลอะไรกับการแข่งขัน"
พร้อมกันนี้อดีตแชมป์เยาวชนโลก 3 สมัย ยังได้กล่าวขอบคุณชาวไทยว่า
"เมย์ขอบคุณคนไทยทุกคนที่คอยให้กำลังใจ เวลานี้ทีมแบดฯไทยได้พิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้เห็นแล้วว่าไม่เป็นรองใครและสู้ได้ในทุกทัวร์นาเมนท์ ในโอลิมปิกครั้งนี้เมย์ไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลมาได้แต่ในอีกสี่ปีข้างหน้าสัญญาว่าจะต้องไปถึงสิ่งที่ทุกคนในประเทศต้องการให้ได้"
นอกจากนี้น้องเมย์ ยังทิ้งท้ายถึงประสบการณ์ในโอลิมปิกครั้งแรกของตนเองว่า "โอลิมปิกครั้งนี้ได้ให้ประสบการณ์เมย์หลายอย่าง และจากการแข่งขันในครั้งนี้ทำให้เมย์ ต้องนำกลับไปปรับปรุงและพัฒนาตนเองในเรื่องของสมาธิที่ต้องดีกว่านี้ต้องไม่ใจร้อนจนเสียรูปเกม"
ขณะที่โค้ช สมพล คูเกษมกิจ ได้กล่าวถึงผลงานของน้องเมย์ ในโอลิมปิกครั้งแรกที่เกือบเข้าถึงรอบรองชนะเลิศว่า
"ต้องยอมรับว่า แมทช์นี้สกอร์ต้องสองเซต แต่จุดเปลี่ยนในเซตที่สองซึ่งคู่แข่งจากจีนเขาเปลี่ยนมาเป็นเสริฟหน้าทำให้เราที่กำลังทำแต้มไหลเกิดจังหวะสะดุดส่วนตัวแล้วเสียดาย แม้จะรู้ว่าสายการแข่งขันนั้นโหดหินขนาดไหนแต่การที่น้องเมย์สู้มาได้ขนาดนี้ถือว่าเหนือความคาดหวังมากเนื่องจากน้องเมย์ นั้นประสบการณ์เมื่อเทียบกับคู่ต่อสู้ทุกคนถือว่าน้อยมาก และด้วยอายุเพียง 17 ปีอาจจะยังควบคุมสมาธิตนเองได้ไม่ดีนัก อันที่จริงแล้วน้องเมย์ นั้นถูกวางตัวไว้ว่าจะประสบความสำเร็จสูงสุดในโอลิมปิกปี 2016 เพียงแต่ปีนี้พอเขาทำผลงานมาได้ถึงขนาดนี้ทุกคนก็เลยมีความหวัง แต่อยากจะบอกว่าน้องเมย์ได้ทำดีที่สุดแล้ว ต่อจากนี้เพียงแค่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ปรับปรุงเรื่องสมาธิรับรองว่าไปได้อีกไกล"
ด้านคุณหญิง ปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ผู้จัดการทีมได้ให้สัมภาษณ์หลัง ทีมแบดมินตันไทยทำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจว่า "ต้องยอมรับว่านักกีฬาของเราทุกคนทำผลงานกันอย่างเต็มที่ แต่คู่ต่อสู้จากทุกชาติต่างแข็งแกร่งซึ่งประสบการณ์ในครั้งนี้เราจะนำไปปรับปรุงต่อไป และที่สำคัญคือเราได้เห็นจุดอ่อนและจุดแข็งของนักกีฬาแต่ละคนซึ่งเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าต้องดีกว่านี้อย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น