แอล บี เจ เผย ไม่สนใจหรอกว่าสถิติส่วนตัวมันจะเป็นยังไงในการลงสนามแต่ละแมตช์ เพราะตอนนี้ต้องการแหวนแชมป์เอ็นบีเอ อย่างเดียว หลังสถิติทำสกอร์ขั้นต่ำ 30 แต้ม หยุดลงเพียง 5 เกมติดต่อกัน เมื่อเขาซัดไปได้ 29 แต้ม ในเกมรอบชิงชนะเลิศ นัดสาม ที่ชนะ โอกลาโฮม่า ซิตี้ ธันเดอร์ส 91-85 คะแนน ขึ้นนำซีรี่ส์ 2-1 เกม วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา
ก่อนเกมนี้ เจมส์ ทำผลงาน 30 แต้มมา 5 เกมติด เป็นสถิติในรอบเพลย์ออฟ ของ ฮีต และเกมนี้ขาดไปแต้มเดียว เมื่อเขาทำไปได้ 29 แต้ม โดย 8 ในนั้นเกิดขึ้นในควอเตอร์สี่ ถึงกระนั้น เจมส์ ไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะต้องการแชมป์ หลังปีก่อนก็แพ้ ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ โดยกล่าวว่า "ปีที่แล้วผมไม่ได้ทำหน้าที่ในส่วนของการเปลี่ยนเกมมากพอ นั่นคือความภาคภูมิใจที่ผลักดันผม ผมไม่ได้ทำแบบนั้นในการเล่นรอบชิงฯ ปีที่แล้ว ผมพยายามสร้างเพลย์ที่จะเปลี่ยนเกม และอะไรก็ตามที่จะทำให้เราชนะ"
ไมอามี่ เข้ารอบชิงฯ 2 ปีติด และ เจมส์ ไล่ล่าแชมป์สมัยแรก ผิดกับเพื่อนร่วมทีมไมอามี่บางคน อาทิ ดเวย์น เวด ที่อยู่ในทีมชุดแชมป์ปี 2006 โดย เจมส์ ที่ปีนั้นอยู่ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส กล่าวว่า "สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือ การได้เห็นว่าเราทำอะไรได้บ้างในเกมที่สูสีๆ อย่างคืนนี้ เรานำสบายๆ แต่พวกเขาสามารถทำแต้มติดๆ กันได้ พวกเขาไล่มาด้วยการทำแต้มเร็ว จนเหลือตามหลังแต้มเดียว จากนั้นผมก็ช่วยให้ คริส (บอช) ได้เลย์-อัพ เขาได้ฟาวล์ ยิงลูกโทษลงหมด มันทำให้พวกเขาหยุด นั่นแหละประเด็น มันเป็นเรื่องที่เราพยายามฮึดตอนที่เพื่อนร่วมทีมต้องการเราที่สุด"
อย่างไรก็ตาม ชัยชนะเกมนี้ไม่สวยนัก ฮีต ชู้ตลง 37 เปอร์เซ็นต์ และเสียถึง 12 เทิร์นโอเวอร์ มากกว่า โอเคซี หนึ่งครั้ง นอกจากนี้มีช่วงที่พวกเขาโดนทิ้งถึง 10 แต้มด้วย และเป็นการคัมแบ๊กกลับมาชนะทั้งๆ ที่ตามหลังเลข 2 หลัก เป็นครั้งที่ 6 ในช่วงเพลย์ออฟ ซึ่ง เจมส์ มองว่า "เรารู้อยู่แล้วว่าเราต้องมีเกมที่ยาก ไม่สำคัญว่าเราจะยิงวงนอกแม่นมั้ย หรือได้แต้มจากเลย์-อัพ, ดังก์ หรือฟาสต์เบรค เท่าไหร่ เรารู้ว่าเราจะต้องเหนื่อย โดยเฉพาะเมื่อเราต้องเจอกับคู่แข่งที่สุดยอดแบบนี้"
ด้าน ดเวย์น เวด ที่กดไป 25 แต้ม, 7 รีบาวนด์ส และ 7 แอสซิสต์ กล่าวถึงการชนะทั้งที่ตามหลังเยอะว่า "เราเล่นดีเวลาจนตรอก แต่เกมแบบนี้มันอันตราย คุณไม่อยากเล่นเกมแบบนี้หรอก โดยเฉพาะกับคู่แข่งทีมนี้"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น