ม่แข้งกันมาร่วม 10 เดือน ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษเดินทางมาถึงนัดสุดท้ายแล้วในวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค. เช่นเดียวกับกัลโชซีรีเอ และลาลีกาที่ปิดฉากสัปดาห์นี้เช่นกัน หลังจากรู้ผลไปแล้วว่ายูเวนตุสและเรอัล มาดริด คว้าแชมป์ไปครอง อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ถ้าเรือใบสีฟ้าชนะควีนส์ปาร์กจะคว้าแชมป์ทันที เพราะผลต่างประตูได้เสียดีกว่าแมนฯยูถึง 8 ลูก
ความหวังของแฟนผีแดงในการเห็นทีมตัวเองถล่มซันเดอร์แลนด์เป็นสิบลูก คงเป็นไปไม่ได้ ขนาดเล่นในบ้านนัดที่แล้วมีโอกาสที่จะลดช่องว่างประตูได้เสีย แมนฯยูยังทำได้แค่ชนะสวอนซี 2-0 ภาวนาให้เกิดเหตุการณ์ช็อกโลกที่อิติฮัดยังง่ายกว่า
เกมพลิกล็อกเหลือเชื่อ มีให้เห็นบ่อยๆในวงการลูกหนัง ควีนส์ปาร์กของมาร์ค ฮิวจ์ส อาจผีเข้า ขณะที่แมนฯซิตี้อาจกดดันยิงทิ้งยิงขว้างก็เป็นได้ ใครจะไปรู้
นั่นเป็นเรื่องของโอกาสและความเป็นไปได้ แต่โดยส่วนตัวผมไม่คิดว่า แมนฯซิตี้จะพลาดต่อหน้าต่อตากองเชียร์ของตัวเอง
ส่วนการลุ้นท็อปโฟร์ อาร์เซนอลไปเยือนเวสต์บรอมวิช ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายของรอย ฮอดจ์สัน ก่อนไปคุมทีมชาติอังกฤษเต็มตัว สเปอร์สเล่นในบ้านพบกับฟูแลม และนิวคาสเซิลไปเยือนเอฟเวอร์ตัน
ถ้าปืนใหญ่และไก่เดือยทองติดท็อปโฟร์ และนิวคาสเซิลได้อันดับ 5 คงไม่ผิดความคาดหมายหรือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอะไร
แต่การที่อลัน พาร์ดิว นำทีมสาลิกาดงบินสูงขนาดนี้ นับว่าประสบความสำเร็จอย่าง
สูงแล้ว หากโชคดีได้โควตาแชมเปียนส์ลีกก็ถือเป็นโบนัส มองลงไปดูโซนท้ายตาราง วูล์ฟแฮมป์ตัน
และแบล็กเบิร์นตกชั้นไปเรียบร้อยแล้ว เหลืออีก 1 ทีม ระหว่างควีนส์ปาร์ก (อันดับ 17 มี 37 แต้ม) กับโบลตัน (อันดับ 18 มี 35 แต้ม) ใครจะอยู่ใครจะไป
ทางเดียวของโบลตันที่จะอยู่รอด คือ ต้องบุกไปชนะสโต๊กสถานเดียว ถ้าโบลตันไม่ชนะ ควีนส์ปาร์กแพ้แมนฯซิตี้กี่ลูกก็ไม่มีปัญหา เหล่านี้คือภาพรวมของความหวังต่างๆที่เกิดขึ้นในวันสุดท้ายพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ครับ.
โต้ บ้านแหลม
ข่าวเด็ดข่าวดังเพิ่มเติมได้ ที่นี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น