วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

เสือใต้แม่นโทษ!เขี่ยชุดขาวร่วงคารัง3-1 12bet








มานูเอล นอยเออร์ เป็นฮีโร่ในเกมนี้หลังเซฟถึง2ลูกช่วยให้ "เสือใต้" ชนะจุดโทษ 3-1 เขี่ย "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ตกรอบคาบ้านหลัง 2นัด เสมอกัน 3-3 ผ่านเข้าไปชิงกับ "สิงห์บูลส์" เชลซี ในวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม เวลา 1:45 น. ที่สนามอัลลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ 25 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา




ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
(รอบรองชนะเลิศ นัดสอง)
วันพุธที่ 25 เมษายน 2555
เรอัล มาดริด (สเปน) 2 - บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี) 1
(รวมผลสองนัดเสมอ 3-3 บาเยิร์น มิวนิคชนะจุดโทษ 3-1)




สนาม : ซานติอาโก เบร์นาเบว, มาดริด สเปน



        "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ปรับทัพแค่จุดเดียวจากเกมแรกและศึก เอล กลาซิโก้ ครั้งล่าสุด โดยดร็อป ฟาบิโอ โกเอนเตรา แบ็กซ้ายโปรตุกีสที่ทำพลาดจนให้ทีมแพ้ในเกมแรกช่วงท้ายเกมเป็นสำรอง และใช้ มาร์เชโล่ วิเอยร่า ลงแทน ที่เหลือยึดชุดเดิมทั้งหมด

        มิดฟิลด์คู่กลางให้ ชาบี อลอนโซ่ จับคู่ ซามี่ เคดิร่า สามแนวรุกจากขวาไปซ้ายประกอบด้วย อังเคล ดิ มาเรีย, เมซุต โอซิล และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หน้าเป้าวางใจให้ คาริม เบนเซม่า ลงล่าตาข่าย

        ด้าน "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค  ภายใต้การคุมทีมของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส กลับมาใช้แข้งชุดใหญ่เต็มสูบอีกครั้ง และเป็น 11 คนแรกจากเกมแรกที่อัลลิอันซ์ อารีน่า ทั้งหมด มิดฟิลด์คู่กลางเป็น ลุยซ์ กุสตาโว่ จับคู่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์

        แนวุกดัน โทนี่ โครส ขึ้นไปยืนเป็นจอมทัพ โดยมี อาร์เยน ร็อบเบน กับ ฟร้องค์ ริเบรี่ ที่เคลียร์ปัญหาคาใจกันเรียบร้อย กลับมาประจำการทำเกมริมเส้นขวาซ้ายตามลำดับ วาง มาริโอ โกเมซ ยืนหน้าเป้าคอยจบสกอร์

        เริ่มเกมมาเป็นเจ้าบ้านเดินหน้าบุกเข้าใส่ทันทีและหวิดได้เฮในนาทีที่ 3 อังเคล ดิ มาเรีย เลี้ยงตัดเข้าในไปสุดเส้นหลังมาดีดเข้ากลางให้ ซามี่ เคดิร่า แปเรียดด้วยซ้ายไปตรงตัว มานูเอล นอยเออร์ รับเข้าซองอยู่หมัด

        กระทั่งนาทีที่ 5 เจ้าบ้านมาได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ อังเคล ดิ มาเรีย ฮาล์ฟวอลเลย์ตามน้ำไปชนแขน ดาวิด อลาบา ที่ล้มตัวเข้าสกัดบอล โดย วิคตอร์ คาสไซ ผู้ตัดสินไม่ลังเลเป่าเป็นจุดโทษทันทีพร้อมกับชูใบเหลืองให้ อลาบา ด้วย ทำให้เขาจะติดโทษแบนในนัดชิงชนะเลิศหาก เสือใต้ ผ่านเข้าชิงดำ

        เวลาเดินผ่านมา 1 นาทีเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มือสังหารประจำทีมวิ่งเข้ามาแปบอลเสียบมุมเข้าไป ช่วยให้ เรอัล มาดริด ขึ้นนำ 1-0

        ถัดมา 2 นาที บาเยิร์น มิวนิค หวิดทวงคืนทันควัน จากจังหวะที่ ดาวิด อลาบา สปีดลากบอลขึ้นมาโยนไปเสาสองให้ อาร์เยน ร็อบเบน โฉบขึ้นมาวอลเลย์แปบอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

        ต่อเนื่องเลยกับโอกาสทองของอาคันตุกะ มาริโอ โกเมซ แต่งบอลมากดเรียดเต็มแรงบริเวณหัวกะโหลกไปติดเซฟ อีเกร์ กาซียาส รับกระฉอกบอลมาเข้าทาง ฟร้องค์ ริเบรี่ จะตามมาซ้ำ แต่ ซามี่ เคดิร่า ยังไวตามมาสไลด์บอลออกหลังได้ทัน

        กระทั่งนาที 14 แฟนบอลเจ้าบ้านได้เฮกันสนั่นอีกครั้ง เมซุต โอซิล เก็บบอลที่ เคดิร่า ปั้มเอาชนะมาไหลให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลุดเดี่ยวเข้าไปบรรจงกดเรียดสวนตัว นอยเออร์ เสียบเสาแรกเข้าไป เป็นประตูที่ 10 ของกัปตันทีมชาติโปรตุเกส ใน แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ เรอัล มาดริด หนีห่าง 2-0

        เสือใต้ ไม่เสียขวัญพยายามตั้งเกมสู้ นาทีที่ 16 อาร์เยน ร็อบเบน โชว์ลูกเก่งเลี้ยงบอลตัดเข้าในมาปั่นบอบโค้งไปเข้าซอง กาซียาส รับไว้ไม่มีกระฉอก

        ทีมเยือนลองหันมาใช้ส่องไกลเข้าทำและมาได้ลุ้น 2 ครั้งติดกันจาก โกเมซ และ ลุยซ์ กุสตาโว่ แต่ก็หลุดกรอบไปทั้งหมด

        นาที 25 ราชันชุดขาว เกือบฉีกเป็นสาม โรนัลโด้ กระชากบอลขึ้นมาตบเข้าในถูก นอยเออร์ ผวาปัดบอลออกมาเข้าทาง โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ ที่มัวแต่เงอะงะจนเกือบถูก เบนเซม่า ฉกบอลไป แต่สุดท้าย บาดสตูเบอร์ ยังเตะบอลทิ้งออกไปได้ทัน

        จนในนาที 27 เสือใต้ มาได้ลูกจุดโทษบ้างเช่นกัน จากจังหวะที่ ร็อบเบน ครอสบอลเข้าเขตโทษหมายให้ โกเมซ เข้าปิดสกอร์ แต่ดันไปถูก เปเป้ ตามมากระแทกจากด้านหลังล้มคว่ำลงไป และ คาสไซ ไม่ลังเลเป้าเป็นจุดโทษทันที พร้อมกับแจกใบเหลืองให้ เปเป้ ด้วย ก่อนจะเป็น อาร์เยน ร็อบเบน วิ่งมาแปบอลเบียดเสาในเข้าไปชนิดที่ กาซียาส เกือบป้องกันไว้ได้อยู่แล้ว บาเยิร์น มิวนิค ไล่ขึ้นมาเป็น 1-2

        เรอัล มาดริด ตั้งเกมสู้กันใหม่และน่าได้สุดขีดจากจังหวะที่ โรนัลโด้ ทิ้งบอลมาให้ เบนเซม่า ฉีกไปเอาบอลริมเส้นก่อนลากตัดเข้าในมาปั่นบอลไซด์โค้งหลุดถากเสาออกไปไม่ถึงคืบ

        นาที 34 บาเยิร์น มิวนิค พลาดโอกาสทองในการตีเจ๊า โทนี่ โครส แทงบอลทะลุช่องหลุดกับดักล้ำหน้าให้ มาริโอ โกเมซ ตวัดยิงเรียดตามน้ำไม่หนีตัว กาซียาส ล้มตัวสกัดบอลทิ้งไปได้ทัน

        ถัดมา 3 นาที เจ้าบ้านได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะทำการของ โรนัลโด้ แต่ครั้งนี้ โรนัลโด้ ซัดบอลผ่านกำแพงไปตรงตัว นอยเออร์ ที่ยืนถูกตำแหน่งรับเข้าซองอยู่หมัด

        ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ร็อบเบน มาเรียกลูกฟรีคิกระยะอันตรายให้ทีมเยือนได้ ก่อนจะเป็น ร็อบเบน ลุกขึ้นมาปั่นบอลไปชนตัว เปเป้ กำลังจะเปลี่ยนทางเสียบมุม แต่ กาซียาส ยังไวตามมาล้มตัวปัดบอลทิ้งไปได้ทัน และผู้ตัดสินก็เป่านกหวีดจบครึ่งแรกไปเลย เรอัล มาดริด นำอยู่ 2-1

        กลับลงสนามมาสู้กันต่อ บาเยิร์น มิวนิค เกือบตีเจ๊าสำเร็จ ฟิลิปป์ ลาห์ม ครอสบอลเข้าเขตโทษให้ มาริโอ โกเมซ ขึ้นโขกบอลตัดหน้า เปเป้ กระเด้งลงพื้นหลุดเสาไกลไปนิดเดียว

        รูปเกมของทั้งสองทีมเริ่มผ่อนลงไปหันมาเน้นความรัดกุมกันมากขึ้น นาที 56 เจ้าบ้านได้โอกาสจากจังหวะที่ อังเคล ดิ มาเรีย วางบอลยาวมาให้ เบนเซม่า หวดเร็วตามน้ำถูก นอยเออร์ บินปัดบอลออกไปได้สวย

        นาทีต่อมา เสือใต้ ได้ลุ้นจากลูกโต้กลับเร็ว บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ทำชิ่งกับ โทนี่ โครส ไปดีดบอบให้ มาริโอ โกเมซ แต่งหาจังหวะยิงด้วยขวาฝ่าแนวรับเจ้าบ้านมาได้ แต่บอลเบาไปทำให้ กาซียาส รับเข้าซองสบาย

        ทำไปทำมาเริ่มเป็นอาคันตุกะเหนือกว่าชัดเจนแล้ว นาที 66 ฟร้องค์ ริเบรี่ จ่ายบอลออกทางขวาให้ ร็อบเบน ติดเครื่องลากบอลเข้าเขตโทษไปแตะบอลอ้อม เปเป้ มาและวิ่งตามไปเอาบอล แต่ กาซียาส อ่านเกมขาดออกมาสไลด์ล้มตัวคว้าบอลไว้ได้สวย

        3 นาทีต่อมา เรอัล มาดริด ได้โอกาสทองอีกครั้งจากลูกฟริคิก โรนัลโด้ วิ่งเข้ามากดบอลผ่านกำแพงไปตรงตัว นอยเออร์ ที่ยืนถูกตำแหน่ง และต่อเนื่องอีกครั้งจากฟรีคิกของ โรนัลโด้ ในอีก 2 นาทีต่อมา แต่ครั้งนี้เหินข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น

        นาที 75 โชเซ่ มูรินโญ่ ทำการปรับแท็กติกเปลี่ยนตัวคนแรก ถอด ดิ มาเรีย ที่เงียบหายไปเลย และส่ง ริคาร์โด้ กาก้า ลงมาบู๊แทน

        ช่วงเวลาที่เหลือเป็นเจ้าบ้านพยายามบุกเข้าใส่แต่ก็ไม่สามารถฝ่าแนวรับทีมเยือนเข้าไปทำประตูได้ จบเกม เรอัล มาดริด เฉือนชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-1 รวมผลสองนัดเสมอกัน 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป

        เริ่มเกมช่วงต่อเวลาพิเศษ เรอัล มาดริด พยายามเปิดเกมรุกมากขึ้นแต่ยังไม่สามารถฝ่าแนวรับ เสือใต้ เข้าไปลุ้นทำประตูได้ และนาที 95 จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ปรับแท็กติกเปลี่ยนตัวคนแรกส่ง โธมัส มุลเลอร์ ลงไปแทน ริเบรี่

        นาที 100 อาคันตุกะหวิดได้เฮจากลูกไม่คาดฝัน เมื่อ โธมัส มุลเลอร์ โยนบอลจากริมเส้นฝั่งขวาเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ รามอส กับ กาซียาส กลับไม่เข้าใจกันปล่อยบอลตกพื้นกระเด้งเลยไปเสาสอง ดีที่ว่าไม่มีผู้เล่นทีมเยือนรออยู่บริเวณนั้น

        เข้าสู่ครึ่งหลังของการต่อเวลาพิเศษ มูรินโญ่ ปรับแท็กติกเปลี่ยนตัวคนที่สอง ส่ง กอนซาโล่ อิกวาอิน ลงไปแทน เบนเซม่า

        นาที 111 ราชันชุดขาว ทำการเปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ส่ง เอสเตบัน กราเนโร่ ลงไปแทน โอซิล ที่เริ่มหมดแรง

        หลัวจากนั้นไม่มีอะไรเพิ่มเติมเกิดขึ้น จบเกมช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที สกอร์ยังคงเดิมคือ เรอัล มาดริด ชนะ 2-1 รวมผลสองนัดเสมอกัน 2-2 ต้องตัดสินหาทีมชนะด้วยการดวลจุดโทษและเป็น "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ที่แม่นโทษกว่าเอาชนะ "ราชันชุดขาว" ไปได้ 3-1 ผ่านเข้าไปชิงกับ "สิงห์บูลส์" เชลซี ในวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม เวลา 1:45 น. ที่สนามอัลลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี



        รายชื่อนักเตะทั้งสองทีมในการดวลจุดโทษ
        บาเยิร์น มิวนิค : ดาวิด อลาบา (เข้า), มาริโอ โกเมซ (เข้า), โทนี่ โครส (โดนเซฟ), ฟิลิปป์ ลาห์ม (โดนเซฟ), บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ (เข้า)
        เรอัล มาดริด : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โดนเซฟ), ริคาร์โด้ กาก้า (โดนเซฟ), ชาบี อลอนโซ่ (เข้า), เซร์คิโอ รามอส (ข้ามคาน)


รายชื่อผู้เล่นที่ของทั้งสองทีม
เรอัล มาดริด : อีเกร์ กาซียาส - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เปเป้, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เชโล วิเอยร่า- ซามี่ เคดิร่า, ชาบี อลอนโซ่ - อังเคล ดิ มาเรีย (ริคาร์โด้ กาก้า น.75), เมซุต โอซิล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - คาริม เบนเซม่า
สำรองไม่ได้ใช้ : อันโตนิโอ อาดาน, ราอูล อัลบิโอล, ฟาบิโอ โกเอนเตรา, เอสเตบัน กราเนโร่, โฆเซ่ กาเยฆ่อน, กอนซาโล่ อิกวาอิน


บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์ - ฟิลิปป์ ลาห์ม, เยโรม บัวเต็ง, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, ดาวิด อลาบา - ลุยซ์ กุสตาโว่, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ - อาร์เยน ร็อบเบน, โทนี่ โครส, ฟร้องค์ ริเบรี่ - มาริโอ โกเมซ
สำรองไม่ได้ใช้ : ฮันส์ ยอร์ก-บุทท์, ราฟินญ่า, ดานิเยล ปรานยิช, ดีเอโก้ คอนเทนโต้, อนาโตลี ติมอสชุค, อิวิช่า โอลิช, โธมัส มุลเลอร์


ผู้ตัดสิน : วิคตอร์ คาสไซ (ฮังการี)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น