วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555

ร็อบเบนเบิ้ล!ดัตช์บุกเชือดสิงโตดิ้น3-2 #12bet






อาร์เยน ร็อบเบน แผลงฤทธิ์ ซัดชัยช่วงทดเจ็บพา "กังหันลม" ฮอลแลนด์ บุกเชือด "สิงโตคำราม" อังกฤษ คาเวมบลีย์ 3-2 โดยเกมนี้ ร็อบเบน ซัดคนเดียวสองลูก ในศึกฟุตบอลนัดกระชับมิตรทีมชาติ เมื่อวันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา




ฟุตบอลนัดกระชับมิตรทีมชาติ 
วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 
อังกฤษ 2 - 3 ฮอลแลนด์




สนาม : เวมบลีย์



        สจ๊วร์ต เพียร์ซผู้จัดการทีมชาติอังกฤษชั่วคราวแต่งตั้งให้สก็อตต์ พาร์เกอร์รับบทกัปตันแม้สตีเว่น เจอร์ราร์ดที่ถูกมองว่ามีโอกาสสวมปลอกแขนจะได้ลงบู๊เป็นตัวจริงร่วมกับมิดฟิลด์ทีมสเปอร์สในการรับใช้ชาติคู่กันเป็นครั้งแรก

        รวมแล้วเกมนี้ สิงโตคำรามมีการปรับโผหกรายจากเกมชนะสวีเดนซึ่งเป็นการคุมทีมแม็ตช์สุดท้ายของฟาบิโอ คาเปลโล่ก่อนลาออก

        โดยในตำแหน่งแบ็คขวาตกเป็นของไมกาห์ ริชาร์ดส์ซึ่งได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงหนแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2007 หลังจากทั้งเกล็น จอห์นสันและไคล์ วอล์คเกอร์บาดเจ็บจนต้องถอนตัว ขณะที่แบ็คซ้ายมีเซอร์ไพรซ์เลห์ตัน เบนส์ยังรักษาตำแหน่งได้แม้แอชลีย์ โคลจะฟิตกลับมาแล้ว

        สำหรับกองหน้าแดนนี่ เวลเบ็ครับภาระหอกเดี่ยวโดยอดัม จอห์นสันตัวริมเส้นซึ่งติดทีมชาติเป็นนัดที่สิบกลับมาลงบู๊เป็นตัวจริงอีกหนนับตั้งแต่เดือนต.ค.2010

        ด้านฮอลแลนด์มีโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ลงเล่นได้หลังกองหน้าอาร์เซน่อลสลัดอาการบาดเจ็บขาหนีบได้ทันเวลา แต่ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ทมิดฟิลด์สเปอร์สบาดเจ็บถอนตัวไปแล้ว

        อังกฤษเริ่มเกมได้อย่างน่าฮือฮา และมีเสียวในนาทีที่ 7 จากลูกเตะมุมด้านซ้ายที่แกรี่ เคฮิลล์โฉบเข้าโขกเสาแรกระยะหกหลา สะบัดออกเสาไกลไปนิดเดียวเท่านั้น

        แต่ไม่ทันไร ฮอลแลนด์ก็เริ่มตั้งลำได้ และนาทีที่ 15 อาร์เยน ร็อบเบนก็เลื้อยขึ้นฝั่งซ้ายลากบอลจี้เข้าหาริชาร์ดส์ในเขตโทษก่อนซัดมุมแคบ แต่ถูกโจ ฮาร์ทปัดทิ้งได้

        ถัดมาในนาทีที่ 26 สิงโตคำรามน่าจะออกนำเมื่อแอชลีย์ ยังไหลบอลจากแถวสองเข้าเขตโทษด้านขวาให้จอห์นสันหาจังหวะล็อคยิงแฉลบจอห์นนี่ ไฮติงก้าหลุดเสาสองออกไป

        ผ่านมาถึงนาทีที่ 33 เจ้าบ้านก็เปลี่ยนเจอร์ราร์ดที่เหมือนจะไม่สมบูรณ์ออกโดยส่งดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ลงไปแทน

        ล่วงมาถึงนาทีที่ 43 เบนส์เสริมเกมรุกทางซ้ายไปโยนบอลเข้าเขตโทษ แต่ยังโดดโขกจาก 15 หลาที่เสาแรกไม่เต็มศีรษะ บอลจึงโด่งข้ามคาน ครบ 45 นาทีแรกเกมจึงจบลงแบบจืดชืด 0-0

        ครึ่งหลังทีมเมืองผู้ดีส่งเจมส์ มิลเนอร์ลงไปแทนแกเร็ธ แบร์รี่ ขณะที่ทีมเยือนใช้งานคลาส แยน ฮุนเตลาร์และสไตน์ ชาร์สแทนฟาน เพอร์ซี่และเอริค ปีเตอร์ส

        จากนั้นในนาทีที่ 47 ริชาร์ดส์ก็รับใบเหลืองในจังหวะเสียบร็อบเบน

        กระนั้นอีกสองนาทีให้หลังจากลูกเตะมุมด้านขวาของสิงโตคำรามที่ยังสาดเข้าไปเสาไกล สเตอร์ริดจ์ก็ดึงบอลหนีบูลารูซก่อนกระทุ้งจาก 15 หลา ทว่ามาร์เตน สเตเลเลนเบิร์กล้มตัวปัดที่โคนเสาได้

        จากนั้นในนาทีที่ 54 เวสลีย์ สไนเดอร์ก็ผ่านบอลขวางมาจากทางซ้ายให้ฮุนเตลาร์กระทุ้งจาก 25 หลา แต่บอลหลุดกรอบไปแบบพอได้ลุ้น

        และในที่สุดอีกสามนาทีต่อมาในจังหวะที่ไนเจล เดอ ย็องก์เสียบแย่งบอลได้ ร็อบเบนก็เก็บตกลากจากแดนตัวเองขึ้นมาโดยที่แนวรับสิงโตคำรามถอยร่นประคองจังหวะกันหมด จึงทำให้ปีกสกินเฮดสับไกจาก 20 หลาส่งบอลเรียดผ่านฮาร์ทเข้าประตูเป็นสกอร์นำ 1-0 ของทีมดัตช์

        เท่านั้นไม่พอ เขี่ยบอลกันใหม่ได้แค่สองนาที เคาท์ก็โยนบอลจากกราบขวาเข้าเขตโทษให้ฮุนเตลาร์โขกจากหกหลาไม่เหลือ ฮอลแลนด์จึงนำ 2-0 ในนาทีที่ 59 แต่ศีรษะของฮุนเตลาร์ปะทะกับคริส สมอลลิ่งเต็มๆในจังหวะขวิดบอลจนน็อคทั้งคู่

        อย่างไรก็ดี ฮุนเตลาร์ลุกขึ้นมาเองได้แต่ได้เลือดเล็กน้อยจึงเปลี่ยนออกให้ลุค เดอ ย็องก์ลงไปแทน ขณะที่สมอลลิ่งต้องหามลงเปลออกไปโดยมีฟิล โจนส์ลงบู๊เป็นแบ็คขวาให้ริชาร์ดส์ย้ายไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ  ขณะที่สจ๊วร์ต ดาวนิ่งก็ถูกปล่อยลงไปแทนจอห์นสันเช่นกัน

        ขยับมาในนาทีที่ 66 มิลเนอร์ตักบอลจากกราบขวาเข้าเขตโทษเยี่ยม แต่ดาวนิ่งวอลเลย์ที่เสาสองย้อนศรออกนอกกรอบไปแค่คืบเท่านั้น

        นาทีที่ 69 ร็อบเบนแผลงฤทธิ์อีกหนเมื่อรับบอลจากสไนเดอร์แล้วเลื้อยขึ้นทางซ้ายแตะหนีโจนส์เข้าไปกดในเขตโทษได้ แต่ริชาร์ดส์ปรี่เข้ามาบล็อคออกนอกกรอบได้ทัน

        ท้ายเกม ทรี ไลอ้อนส์พยายามเดินหน้า และนาทีที่ 73 เบนส์ก็เก็บตกได้ในเขตโทษด้านซ้ายจึงปาดไปอีกฟากให้สเตอร์ริดจ์ซัดเหน่งๆหกหลา แต่เบาเกินไปจึงถูกสเตเคเลนเบิร์กคว้าได้

        นาทีต่อมา โยริส มาไธจ์เซ่นทำฟาวล์ยังจึงได้ใบเหลือง และถึงนาทีที่ 77 ทีมเยือนก็เปลี่ยนอูร์บี้ เอมานูเอลสันลงไปแทนสไนเดอร์ 

        นาทีที่ 85 สิงโตคำราม มาได้ประตูตีไข่แตก แกรี่ เคฮิลล์ หลุดขึ้นมาในกรอบเขตโทษก่อนจะล็อคหลบกองหลังทีมเยือนแปรด้วยขวาโล่งๆ ไล่มาเป็น 1-2

        นาทีสุดท้าย เจ้าถิ่นมีฮึดมาได้ประตูตีเสมอ จากผู้เล่นของ ผีแดง โดย ฟิล โจนส์ ที่เติมเกมบุกขึ้นมาตรงกลางก่อนจะแทงออกขวาให้ แอชลีย์ ยัง หลุดเข้าไปกระดกบอลข้ามตัว มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก เสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม ตามมาเป๋น 2-2

        แต่แล้วช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แฟนสิงโตคำรามต้องเงียบทั้งสนามเมื่อ อูร์บี้ เอมานูเอลสัน เติมเกมขึ้นมาทางซ้ายก่อนจะเปิดบอลเข้ากลางให้ ฟาน บอมเมล ดีดบอลต่อให้ อาร์เยน ร็อบเบน ได้ปั่นด้วยซ้ายลูกเสียบเสาสองหมดปัญญาที่ โจ ฮาร์ท จะป้องกันไว้ได้ กังหันลมนำ 3-2

        ช่วงที่เหลือ อังกฤษบุกหนักหวังตีเสมออีกครั้ง แต่ไม่มีจังหวะพังประตู จบเกมจึงพ่ายคารังให้ทีมเมืองกังหันลมไปอย่างสุดมันส์ 2-3




รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
อังกฤษ : โจ ฮาร์ท , ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ,  แกรี่ เคฮิลล์ , คริส สมอลลิ่ง , เลห์ตัน เบนส์ , สก็อตต์ พาร์เกอร์ , แกเร็ธ แบร์รี่ , สตีเว่น เจอร์ราร์ด , อดัม จอห์นสัน , แอชลีย์ ยัง , แดนนี่ เวลเบ็ค
สำรอง : สก็อตต์ คาร์สัน ,โรเบิร์ต  กรีน , แอชลีย์ โคล , ฟิล โจนส์ ,โจลีออน เลสค็อตต์ , เจมส์ มิลเนอร์ , ธีโอ วัลค็อตต์ ,สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ,   เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ , ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ , 


ฮอลแลนด์ : มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก ,  คาลิด บูลารูซ์ , จอห์นนี่ ไฮติงก้า , โยริส มาไธจ์เซ่น , เอริค ปีเตอร์ส , อาร์เยน ร็อบเบน , มาร์ค ฟาน บอมเมล , ไนเจล เดอ ย็องก์ ,เวสลีย์  สไนเดอร์ , เดิร์ก เคาท์ , โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
สำรอง : ทิม ครูล , รอน ฟลาร์ , อูร์บี้ เอมานูเอลสัน , เควิน สตรูทแมน , สไตน์ ชาร์ส , คลาส แยน ฮุนเตลาร์  ,จอร์จินิโอ  ไวจ์นัลดุม , ลุค เดอ ย็องก์ , วิลเฟร็ด บรูม่า , โอล่า ยอห์น , ลูเซียโน่ นาร์ซิงห์


ผู้ตัดสิน : เฟลิกซ์ บริช (เยอรมัน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น