เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เตรียมจัดทัพใหญ่ โดย เซร์คิโอ "กุน" อเกวโร่ จะลงผนึกคมแข้งกับ มาริโอ บาโลเตลลี่ ขุดสกอร์เกมเปิดบ้านรับการมาเยือน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่ผลงานกำลังยอดเยี่ยมสุดๆ เตรียมส่ง ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ลงลุ้นลาตาข่าย ในศึกบิ๊กแมตช์ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันพุธที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา
ปรีวิว ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันพุธที่ 21 มีนาคม 2555
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - เชลซี
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
เรือใบสีฟ้า กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันสุดๆ เพราะหลังจากเสียบัลลังก์จ่าฝูงไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เวลานี้ยังถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำแต้มทิ้งห่างออกไปเป็น 4 คะแนนด้วย
นอกจากนี้แล้ว ทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ก็ยังเสียขวัญเพิ่มอีก หลังตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโรปา ลีก ทั้งที่จัดชุดใหญ่ลงเล่น แม้ชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 3-2 ในนัดสอง แต่ร่วงด้วยกฏประตูทีมเยือน
สภาพทีมของ เรือใบสีฟ้า ยังมีปัญหาที่คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักเหมือนเดิม โจเลียน เลสค็อตต์ เจ็บโคนขาหนีบ หมดสิทธิ์ช่วยทีม ขณะที่ แว็งซ็องต์ ก็อมปานี เจ็บน่อง ต้องรอทดสอบความฟิตอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งอื่นๆ ปาโบล ซาบาเลต้า แบ็กขวาหายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า ฟิตสมบูรณ์กลับมาแล้ว เช่นเดียวกับ แกเร็ธ แบร์รี่ กองกลางที่เจ็บหลัง
ส่วนในราย คาร์ลอส เตเวซ กองหน้าอาร์เจนไตน์ ที่ไม่มีชื่ออยู่ในทีมตั้งแต่เดือนกันยายน ปีที่แล้ว อาจมีชื่อกลับมาเป็นตัวสำรองเกมนี้ หลังกลับมาซ้อมและลงเรียกความฟิตกับทีมสำรองอยู่ 5 สัปดาห์
การจัดทัพ 4-3-3 โจ ฮาร์ท เฝ้าเสา แผงหลัง ไมกาห์ ริชาร์ดส์, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, โคโล่ ตูเร่, กาแอล กลิชี่ แดนกลาง ยาย่า ตูเร่, ไนเจล เดอ ย็อง, ซามีร์ นาสรี่ แดนหน้า ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ อเกวโร่, มาริโอ บาโลเตลลี่
ทางฝั่ง สิงโตน้ำเงินคราม ภายใต้การคุมทีมชั่วคราวของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ผลงานกำลังยอดเยี่ยมสุดๆ คว้าชัยมา 4 นัดติดต่อกันแล้ว ทั้งในพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
สภาพทีมจะไม่มี จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีม ต่ออีกนัด หลังพลาดเกมเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ถล่ม เลสเตอร์ ทีมจากแชมเปี้ยนชิพ 5-2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดย เจที ยังรู้สึกมีปัญหาที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัดเข่าอยู่ คาดว่าจะเก็บตัวให้พร้อมสำหรับเกมกับ สเปอร์ส วันเสาร์นี้แทน
อย่างไรก็ตาม ในราย แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, ไมเคิ่ล เอสเซียง, ดาวิด ลุยซ์, แอชลี่ย์ โคล และ รามิเรส ที่ได้พักในเกมเอฟเอ คัพ น่าจะกลับมาเป็นตัวจริงกันพร้อมหน้า
สิบเอ็ดคนแรกประกอบไปด้วย ปีเตอร์ เช็ก ลงเฝ้าเสา แผงหลังชุดใหญ่ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, ดาวิด ลุยซ์, แอชลี่ย์ โคล
แดนกลางสามคน รามิเรส, ไมเคิ่ล เอสเซียง และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด สามกองหน้าสลับมาใช้ ฆวน มาต้า, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ทำให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่เพิ่งยิงสองประตู ต้องกลับไปนั่งสำรอง
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท - ไมกาห์ ริชาร์ดส์, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี (สเตฟาน ซาวิช), โคโล่ ตูเร่, กาแอล กลิชี่ - ยาย่า ตูเร่, ไนเจล เดอ ย็อง, ซามีร์ นาสรี่ - ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ อเกวโร่, มาริโอ บาโลเตลลี่
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, ดาวิด ลุยซ์, แอชลี่ย์ โคล - รามิเรส, ไมเคิ่ล เอสเซียง, แฟร้งค์ แลมพาร์ด - ฆวน มาต้า, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน
ไม่มีอุด! เรือ-สิงห์ 13 นัดไร้ผลเสมอ
เกมพรีเมียร์ลีกระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เชลซี ที่ผ่านมา 13 นัดหลังสุด ไม่มีผลเสมอเกิดขึ้นเลย นั่นก็หมายความว่าเป็นเกมที่ทั้งสองทีมมักจะเปิดแลกกันเพื่อต้องการชัยชนะทั้งคู่
สองนัดหลังสุด ชัยชนะตกเป็นของ เชลซี สองฤดูกาลติดต่อกันแล้ว แต่ก็เป็นเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทั้งคู่ ขณะที่สองนัดหลังที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ปรากฏว่าชัยชนะก็ตกอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ทั้งสองนัดเช่นกัน
ตลอด 13 นัดหลังที่ทั้งคู่ไม่จบลงด้วยผลเสมอนับตั้งแต่ฤดูกาล 2005-06 เป็นต้นมา ปรากฏว่า เชลซี เป็นฝ่ายชนะมากกว่าถึง 10 นัด ปล่อยให้ เรือใบสีฟ้า ชนะแค่ 3 นัดเท่านั้น ซึ่งก็เพิ่งเกิดขึ้นระหว่างปี 2009-10
โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
02.45 น. แมนฯ ซิตี้ - เชลซี
02.45 น. สเปอร์ส - สโต๊ค ซิตี้
03.00 น. เอฟเวอร์ตัน - อาร์เซน่อล
03.00 น. ควีนส์ปาร์ค - ลิเวอร์พูล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น