วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
เรือใบฉิว!ถล่มปอร์โต้4-0ฉลุย16ทีมยูโรปาลีก #12bet
แมนฯ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โชว์ฟอร์มสุดหรู เปิดบ้านไล่ยิงถล่ม เอฟซี ปอร์โต้ จากโปรตุเกส 4-0 สกอร์รวม 6-1 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุท้ายรอพบสปอร์ติ้ง ลิสบอนหรือลีเกีย วอร์ซอว์ ศึกยูโรปาลีก รอบ 32 ทีม นัดสอง เมื่อวันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา
ยูโรปาลีก รอบ 32 ทีม นัดสอง
วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555
แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ) 4 - 0 เอฟซี ปอร์โต้ (โปรตุเกส)
(รวมผลสองนัดแมนฯ ซิตี้ผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 6-1)
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม
แมนฯ ซิตี้เปลี่ยนทีมแค่รายเดียวโดยส่งเซร์คิโอ อาเกวโร่เป็นตัวจริงแทนมาริโอ บาโลเตลลี่หลังศูนย์หน้าอาร์เจนไตน์ลุกจากม้านั่งไปซัดประตูชัยให้ทีมชนะ 2-1 ที่เมืองฝอยทอง
ด้านปอร์โต้ขาดดานิโลที่เจ็บจากนัดก่อน และดร็อปอัลบาโร่ เปเรยร่าออกไปให้อเล็กซ์ ซานโดรกับนิโกลัส โอตาเมนดี้เสียบแทนเป็นการโรเตชั่นจากนัดแรกสองตำแหน่ง
เขี่ยบอลไปได้เพียงวินาทีที่ 20 แมนฯ ซิตี้ก็สอยตาข่ายได้ก่อนเมื่อโอตาเมนดี้จ่ายบอลพลาดง่ายๆไปติดไนเจล เดอ ย็องก์แถวกลางสนาม ยาย่า ตูเร่จึงรับช่วงแทงบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้อเกวโร่ลากเข้าไปกดจาก 16 หลาเสียบเสาไกลเป็นสกอร์ 1-0 ของเจ้าบ้าน
สถานการณ์บังคับให้ทีมเยือนต้องเปิดเกมรุกเท่านั้น ขณะที่เรือใบสีฟ้าสามารถเน้นเกมรับรอโต้กลับได้สบาย
และถึงนาทีที่ 14 โรลันโด้ก็ได้ใบเหลืองในจังหวะคว้าคออเกวโร่ไม่ให้ลากบอลหนีแถวกลางสนามขณะโดนโต้กลับ แถมฮัลค์ไปโวยผู้ตัดสินเลยโดนจดชื่อเช่นกัน
ถัดมาอีกสองนาที แมนฯ ซิตี้น่าจะได้สกอร์เพิ่มอีกเมื่อยาย่า ตูเร่ได้ลูกผ่านจากดาบิด ซิลบาทางกราบซ้ายหลุดเดี่ยวไปซัดระยะ 20 หลาริมเขตโทษ แต่เอลตันออกมาเร็วจึงใช้เท้าบล็อคลูกยิงหน้าเขตโทษได้ทัน
อึดใจต่อมาในนาทีที่ 17 ทีมเยือนน่าจะตีเสมอได้เมื่อเจา มูตินโญ่แทงบอลให้ซิลเวสเตอร์ วาเลร่าทะลุเข้าเขตโทษด้านซ้ายไปตะบันจาก 15 หลา แต่โจ ฮาร์ทยังไม่พลาดปัดทิ้งได้สำเร็จ
เข้าสู่นาทีที่ 27 ไมกาห์ ริชาร์ดส์รวบเจมส์ โรดริเกซล้มหน้าเขตโทษจึงเป็นลูกฟรีคิกของปอร์โต้ แต่โอตาเมนดี้เข้าไปประท้วงท่านเปาว่าสมควรแจกใบเหลืองให้กองหลังเจ้าบ้านเช่นกัน สุดท้ายตัวเองเลยได้ใบเหลืองแทน และจากลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษฝั่งซ้ายระยะ 23 หลา เจา มูตินโญ่ก็วิ่งเข้าซัลโวข้ามคานไปนิดเดียวเท่านั้น
จากนั้นอีกสองนาที เจ้าบ้านก็น่าจะหนีไปอีกเม็ดจากจังหวะโต้เมื่อซิลบาวางบอลจากกลางสนามให้อเกวโร่หลุดเดี่ยวแล้วแตะหนีนายทวารเอลตันที่พยายามวิ่งออกมาหน้าเขตโทษก่อนจะบรรจงชิพจากเส้น 18 หลาทางฝั่งขวา แต่บอลลอยไปชนคาน
เกมโดยรวมปอร์โต้ยังทำอะไรไม่ถนัดแม้จะลุยแหลก และเกือบเสียหายอีกในนาทีที่ 39 เมื่อซิลบาหลุดขึ้นทางขวาไปสับไก แต่บอลกระทบโอตาเมนดี้หลุดเสาแรก
กระทั่งนาทีที่ 43 ทีมเยือนก็ได้ลูกฟรีคิกทางซ้ายระยะ 25 หลาหลังจากแกเร็ธ แบร์รีย์กระแทกฮัลค์ล้ม ดาวยิงแซมบ้าจึงลุกขึ้นมากระทุ้งเต็มแรงส่งบอลชนกำแพงเฉี่ยวเสาสองออกไปอย่างเฉียดฉิว จบครึ่งแรกเรือใบสีฟ้าจึงยังนำอยู่ 1-0
ครึ่งหลังทีมจากแดนฝอยทองได้เสียวก่อนในนาทีที่ 52 จากโอกาสเข่นหน้าเขตโทษระยะ 20 หลาของลูโช่ กอนซาเลซ แต่บอลกลิ้งเฉี่ยวกรอบไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด
ถัดมาในนาทีที่ 57 ปอร์โต้น่าจะพังประตูได้จากลูกโยนทางกราบขวาที่ทะลักมาหน้าปากประตูให้เจมส์ โรดริเกซเข้าฮอสเผาขนตุงตาข่าย แต่ฮัลค์ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
นาทีต่อมาเจ้าบ้านเปลี่ยนแบร์รี่ออกให้เจมส์ มิลเนอร์ลงไปเติมความสดในแผงกลาง และถึงนาทีที่ 64 โอตาเมนดี้ก็โดนไมค่อนพวกเดียวกันเตะสกัดเสยใส่ใบหน้าในจังหวะพยายามเคลียร์ลูกโด่งหน้าปากประตูจนมีแผลแตกแถวเบ้าตาซ้าย ต้องเปลี่ยนออกให้คริสเตียน ซาปานารูลงไปแทนพร้อมกับที่คริสเตียน โรดริเกซก็ได้บู๊แทนวาเรล่าเช่นกัน
ผ่านมาถึงนาทีที่ 67 ยาย่า ตูเร่ก็ได้ใบเหลืองเมื่อรวบเจา มูตินโญ่ล้มพร้อมทั้งโดนแบนในเกมหน้า และอีกสองนาทีต่อมาแมนฯ ซิตี้ก็เปลี่ยนเอดิน เชโก้ลงเล่นแทนซามีร์ นาสรี่
และแล้วนาทีที่ 76 ปอร์โต้ก็ตายสนิทจากการโดนโต้เมื่ออเกวโร่พาบอลลุยขึ้นไปจ่ายเข้าเขตโทษด้านขวาให้เชโก้หลุดไปซัดตุงตาข่ายง่ายดายให้แมนฯ ซิตี้นำแชมป์เก่า 2-0 โดยปอร์โต้เหลือผู้เล่นแค่สิบคนด้วยเมื่อโรลันโด้ได้ใบเหลืองอีกใบย้อนหลังในจังหวะรวบอเกวโร่ แต่กองหน้าร่างเล็กไม่ล้ม และทะลุไปจ่ายบอลเป็นประตู
ช่วงสิบนาทีสุดท้าย เรือใบปล่อยดาวิด ปิซาร์โร่ลงเล่นแทนอเกวโร่ ขณะที่อาคันตุกะส่งสตีเว่น เดอฟูร์ลงแทนเจมส์ โรดริเกซ แต่เจ้าถิ่นมาได้เพิ่มอีกเม็ดในนาทีที่ 84 จากจังหวะบีบแนวรับทีมเยือนจนทำเสียบอลแล้วปิซาร์โร่เก็บไปจ่ายจากเส้นหลังด้านขวาให้ซิลบาเข้าฮอสเหน่งๆหกหลาเป็นสกอร์ 3-0 ของทีมเงินถัง
ล่วงมาอีกสองนาที แฟนเรือใบก็ได้เฮอีกจากจังหวะที่เชโก้ชิ่งบอลคืนเข้าเขตโทษให้ปิซาร์โร่เข้าซัดจากสิบหลาตุงตาข่ายพาแมนฯ ซิตี้ทิ้งห่างเป็น 4-0
ช่วงที่เหลือเรือใบปล่อยให้ปอร์โต้บุกตามสบาย และในช่วงทดเวลาเจ็บนาทีที่ 92 เดอฟูร์ก็ได้ง้างจาก 18 หลาถูกฮาร์ทปัดได้ จบเกมแมนฯ ซิตี้จึงต้อนทีมเยือนเละ 4-0 เข้ารอบ 16 ทีมด้วยสกอร์รวม 6-1 ไปรอพบทีมชนะระหว่างสปอร์ติ้ง ลิสบอนกับลีเกีย วอร์ซอว์
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้: โจ ฮาร์ท - ไมก้าห์ ริชาร์ดส์, แว็งซ็องต์ กอมปานี (กัปตันทีม), โจลีออน เลสค็อตต์, กาแอล กลิชี่ - ไนเจล เดอ ย็อง, ยาย่า ตูเร่, แกเร็ธ แบร์รี่ - ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน", ซามีร์ นาสรี่
สำรอง: คอสเตล ปานติลิม่อน (ผู้รักษาประตู) - ปาโบล ซาบาเลต้า, ดาวิด ปิซาร์โร่, สเตฟาน ซาวิช, เจมส์ มิลเนอร์, เอดิน เชโก้, มาริโอ บาโลเตลลี่
ปอร์โต้: เอลตัน - ไมค่อน, นิโคลัส โอตาเมนดี้, โรลันโด้, อเล็กซ์ ซานโดร - แฟร์นานโด, เจา มูตินโญ่, ลูโช่ กอนซาเลซ - ซิลเวสเตร วาเรล่า, เจมส์ โรดริเกซ, ฮัล์ค (กัปตันทีม)
สำรอง: ราฟาเอล บรากาลี่ (ผู้รักษาประตู) - คริสเตียน โรดริเกซ, เคลแบร์, ดัลม่า, คริสเตียน ซาปูนารู, สตีเว่น เดอฟูร์, โตมาส
ผู้ตัดสิน: โวล์ฟกัง สต้าร์ค (เยอรมัน)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น