เป็นที่น่าสังเกตสำหรับวงการลูกหนังบ้านเราในช่วงนี้ ที่ขุนพลทีมชาติไทยมีคิวลงทำศึกฟุตบอล รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดสุดท้าย ซึ่งจะต้องออกไปเยือนทีมชาติโอมานในวันที่ 29 ก.พ.หรือกลางสัปดาห์หน้านี้แล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่เริ่มเก็บตัวเข้าแคมป์ที่ จ.เชียงใหม่ มีเพียงนักเตะไม่กี่รายที่มารายงานตัวเข้าฝึกซ้อม อย่างที่เราทราบข่าวคราวกันว่ามีแค่ 5 คนเท่านั้น ดูแล้วออกจะน่าสมเพชเสียจริงๆ ยิ่งกว่านั้นตัวหลักๆ อย่าง "เจ้าโก้" ดัสกร ทองเหลา, ธีรศิลป์ แดงดา ทางต้นสังกัดก็ยังมีท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้เรื่องความฟิตของนักเตะ
ขณะที่เหลือเวลาอีกแค่ 8 วัน กับแมตช์ชี้ชะตาว่าเราจะทะลุผ่านสู่รอบสุดท้าย 10 ทีมเอเชียได้เป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์หรือไม่ แต่อยากบอกว่าในตอนนี้เรามีนักเตะเข้ามาเก็บตัวล่าสุดเพียง 17 คนเท่านั้น ทั้งยังมีเกมอุ่นเครื่องทดลองทีมกับทีมชาติมัลดีฟส์อีกในวันที่ 24 ก.พ.นี้ แล้วทิศทางของทีมชาติไทยชุดคัดเลือกฟุตบอลโลกจะเป็นเช่นไร ?
หากย้อนกลับไปมองในอดีตเมื่อครั้งที่ฟุตบอลลีกบ้านเรายังห่างไกลคำว่า "บอลอาชีพ" ค่าเหนื่อยที่น่าจะเรียกว่าเบี้ยเลี้ยงในขณะนั้นไม่มากเท่าไหร่ ยังไม่ถึงหลักแสนเหมือนเช่นทุกวันนี้ ทำให้นักเตะที่มีฝีเท้าดีต้องดิ้นรนเดินสายเตะบอลทัวร์นาเมนต์ต่างๆ เพื่อหารายได้เสริม หากว่าเป็นนักเตะระดับทีมชาติ ยิ่งสามารถเรียกค่าตัวในการเดินสายได้แพงมากขึ้น ทำให้การติดทีมชาติไทยเป็นความใฝ่ฝันของนักฟุตบอลทุกคน เพื่อเป็นใบการันตีฝีเท้าตัวเอง คิดอยู่ในใจเสมอว่า "ผมอยากเล่นฟุตบอลเพื่อติดทีมชาติไทย"
แต่ทุกวันนี้ฟุตบอลอาชีพบ้านเราได้มีการปลี่ยนไปมาก สโมสรก้าวเข้าสู่ความเป็นอาชีพอย่างเต็มตัว นักเตะมีรายได้สูงขึ้นแบบมหาศาล ทำให้อาจเป็นสาเหตุที่สโมสรต้นสังกัดผู้จ่ายเม็ดเงินมหาศาลเหล่านั้น มีความกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของนักเตะ หลังจากรับใช้ทีมชาติ กอปรกับเบี้ยเลี้ยงทีมชาติก็อาจเทียบไม่ได้กับรายได้หลักของนักเตะ จึงให้ความสำคัญกับสโมสรต้นสังกัดมากกว่าทีมชาติหรือไม่!?
ธุรกิจฟุตบอลกำลังก้าวเข้าสู่ความเป็นมืออาชีพ แต่จรรยาบรรณของนักเตะและสโมสรในเมืองไทยกำลังสูญหายไป..
ฟุตบอลไทยไปฟุตบอลโลก ความฝันอันเนิ่นนานของชาวไทยเราเขยิบเข้าใกล้เรามามากแล้ว แต่ทำไมเราถึงหยุดวิ่งเมื่อจะถึงเส้นชัย ทั้งที่เกมนัดสุดท้ายเป็นเกมที่มีโอกาสที่เราจะผ่านเข้าไปเล่นรอบ 10 ทีมสุดท้ายสูง โอมานคู่แข่งในนัดนี้ ก็เคยพ่ายแพ้ให้กับเรามาแล้ว การที่ฝ่ายต่างๆ เห็นแก่ตัวและประมาทเช่นนี้ คำว่า "ไปบอลโลก" ก็คงเป็นเพียงแค่ความฝันต่อไป.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น