อีกไม่นาน เราคงจะได้เห็นสโมสรฟุตบอล "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่อย่างเป็นทางการในวงการลูกหนังเมืองไทย หากพวกเขาสามารถสร้างประวัติศาสตร์คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ภายในฤดูกาลเดียวได้สำเร็จ ไม่ว่าเป็นแชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และโตโยต้า ลีก คัพ หลังจากที่สถานการณ์ตอนนี้ ลูกทีมของ "เสี่ยเน" เนวิน ชิดชอบ อดีตนักการเมืองดังที่ผันตัวมาเป็นเจ้าพ่อฟุตบอลของไทยเต็มตัว กำลังได้ลุ้นคั่วทุกถ้วย
แต่การได้แชมป์ก็นำพาเรื่องมาทำให้สะดุดเล็กน้อย หลังมีประเด็นร้อนช่วงหลายสัปดาห์ก่อน จากกรณีข้อถกเถียงสิทธิ์ในการเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า หากสโมสร บุรีรัมย์ พีอีเอ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของไทยไปครองตามคาด เนื่องจากการแยกทางกันระหว่าง "เสี่ยเน" กับ พีอีเอ หรือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จบฤดูกาลนี้ ทำให้เกิดปัญหาว่า ใครกันแน่ จะได้สิทธิ์เล่นบอลถ้วยเอเชียไปครอง
ถือหุ้นมากกว่า สิทธิ์ก็ต้องเป็นของบุรีรัมย์
เกี่ยวกับเรื่องนี้ หัวเรือใหญ่ของทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ยืนยันหนักแน่นว่า สิทธิ์ดังกล่าวจะตกเป็นของกลุ่มบุรีรัมย์แน่นอน เพราะบริษัทที่จดทะเบียนลงแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีกในปี 2011 นี้ เป็นบริษัทบุรีรัมย์ พีอีเอ ซึ่งมีผู้ถือหุ้นอยู่ 2 ส่วน โดยท่ีฝั่งบุรีรัมย์ฯ ถืออยู่ 70 เปอร์เซ็นต์ และฝั่งของ กฟภ. 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเราใช้สิทธิ์ของเขามาแปลงเป็นทุนแข่งไทยพรีเมียร์ลีก โดยไม่ต้องลงเงิน และมีเงื่อนไขว่าทางบุรีรัมย์ฯ จะต้องอุดหนุน กฟภ. ด้านการกีฬาปีละ 5 แสนบาท และในสัญญาไม่มีการระบุถึงเรื่องการเลิกสัญญาแต่อย่างใด เว้นแต่สองฝ่ายจะยินยอม
"กรณีอย่าง ทีโอที, การท่าเรือฯ, ราชนาวี มันไม่เหมือนกัน กรณีของเราไม่มีเรื่องของระยะเวลา แต่จะเลิกได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายยินยอม หรือเลิกเมื่อฝ่ายบุรีรัมย์ ทำอะไรให้ชื่อเสียงการไฟฟ้าเสียหาย ฉะนั้น เมื่อบริษัทนี้ แข่งขันได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก จนได้สิทธิ์ไปเล่นเอเอฟซีฯ สิทธิ์นี้ก็ต้องตกเป็นของบริษัท บุรีรัมย์ พีอีเอ ซึ่งตามกฎหมายแพ่ง ผู้ถือหุ้นจะลงมติว่าเป็นสิทธิ์ของใคร และเราในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่สิทธิ์นี้ก็ต้องเป็นของบุรีรัมย์อยู่แล้ว"
ส่วนเรื่องข้อตกลง บุรีรัมย์ กับพีอีเอ ที่จะแยกทางกันในฤดูกาลหน้า "บิ๊กเน" เสริมว่า เป็นข้อตกลงเฉพาะกรณีการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่กรณีการแข่งขันในแชมเปียนส์ ลีก ดังนั้นปีหน้า เรื่องของการเล่นในไทยพรีเมียร์ลีก ทั้งสองทีมแยกทางกัน การไฟฟ้าฯจะไปทำทีมของตัวเอง บุรีรัมย์ ทำทีมของตัวเอง แต่สิทธิ์ที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งให้ทางเอเอฟซีรับทราบในการไปเล่นแชมเปียนส์ ลีก ตกอยู่กับบุรีรัมย์ โดยภายในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ คาดว่าทั้งบุรีรัมย์ และการไฟฟ้าฯ จะร่วมกันแถลงข่าวและมีข้อยุติร่วมกัน แต่ยืนยันว่า การแยกทางกันครั้งนี้เป็นการจากกันด้วยดี
บุรีรัมย์ พีอีเอ + บุรีรัมย์ เอฟซี = บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ขณะที่ทีมใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต หลังการยุบทีม บุรีรัมย์ พีอีเอ ก็คือ สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งมาจากการร่วม 2 ทีมอย่าง บุรีรัมย์ พีอีเอ และ บุรีรัมย์ เอฟซี ทีมจากดิวิชั่น 1 ที่มีลุ้นเลื่อนชั้นมาเล่นไทยลีกซีซั่นหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดข้อครหาต่างๆ นานาว่า อาจมีการฮั้วกัน เพราะเป็นสองทีมจากจังหวัดเดียวกัน และมีประธานเป็นสามีภรรยากัน
"เรื่องนี้ ตัวผมเองไม่เคยคิดมาก่อนเช่นกัน แต่เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายจัดการแข่งขันและตัวของทาง สโมสรเอง สุดท้ายก็ต้องเข้าใจโลก ตัดสินใจรวมให้เป็นทีมเดียว ส่วนเรื่องโค้ชและตัวผู้เล่นในชุดบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดนั้น ผมเองจะให้ "โค้ชแต็ก" อรรถพล บุปษาคม รับหน้าที่กุนซือของทีมต่อไป และจะรวมนักเตะทั้้งสองทีมที่ดีที่สุดมาเป็นบุรีรัมย์ชุดใหม่ในอนาคต ขณะที่ชุดผู้บริหารต้องมาถือหุ้นร่วมกัน"
แข่งเอเอฟซี ไม่ใช่เพื่อบุรีรัมย์ แต่เพื่อชื่อเสียงของชาติ
สำหรับเป้าหมายที่จะเป็นยอดทีมของเอเชียให้ได้ภายใน 5 ปีนั้น บอสใหญ่ปราสาทสายฟ้า เปิดเผยสาเหตุที่ตั้งเป้าไว้ 5 ปี เพราะหากพูดไปน้อยกว่านี้ เดี๋ยวจะมีคนอื่นๆ หมั่นไส้ และหาว่าตัวเองทำอะไรเกินตัวอีก อย่างไรก็ตาม เรื่องแผนการเตรียมของทีมในศึกเอเอฟซี ทางเรามีแผนเตรียมการที่ดีที่สุดแน่นอน โดยตั้งความหวังว่าต้องผ่านรอบแบ่งกลุ่มให้ได้ในปีหน้า
"ทั้งหมด ผมมองด้วยว่าทีมเราไม่ใช่เป็นแค่ทีมบุรีรัมย์ แต่ในฐานะที่เป็นทีมตัวแทนของสโมสรฟุตบอลอาชีพไทยและประเทศไทยไปแข่ง ก็ต้องเล่นให้สมศักดิ์ศรี เพื่อชื่อเสียงของประเทศเราด้วย"
เมินทำทีมชาติ ขอเป็นแค่คนสร้างนักเตะ
ส่วนเรื่องฤดูกาลหน้านั้น บิ๊กเน กล่าวต่อว่า ทางสโมสรอาจมีการเสริมนักเตะใหม่ ทั้งนักเตะไทย นักเตะต่างชาติ แต่ต้องรอให้จบในสิ้นปีนี้ก่อน แต่ที่ๆ แน่ สำหรับวงการลูกหนังไทย ตนเองอยากสร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีกให้ได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยืนกรานว่า ไม่มีความคิดเข้าไปทำทีมชาติไทย หรือแม้กระทั่ง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แน่นอน โดยขอเป็นเพียงคนสร้างทรัพยากรใหม่ๆ ให้กับทีมชาติไทยในอนาคตเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่กำลังรออยู่ไม่ไกลของ ทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ซึ่งเตรียมจะเหลือแต่เพียงชื่อในประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของฟุตบอลเมืองไทย ก่อนเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากขาดแรงสนับสนุนจากแฟนบอลชาวบุรีรัมย์ทุกคน
"บิ๊กเน" กล่าวทิ้งท้ายว่า "เพราะความเป็นเอกภาพและสามัคคีของคนบุรีรัมย์ เป็นกำลังสำคัญที่สุดที่ทำให้สโมสรเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ ถ้าคนบุรีรัมย์ไม่มาเชียร์ นักเตะคงไม่มีแรงหรือกำลังใจพอฝ่าฟันมาถึงตรงนี้ ไม่ว่าจะเก่งขนาดไหน แต่วันนี้ ต้องยอมรับว่า ทีมที่ไม่ว่าจะเล่นนัดเหย้าหรือนัดเยือน และมีแฟนบอล ตามไปเชียร์มากที่สุด คือ บุรีรัมย์".
**ช่วยกันดูแลคนไทยที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือกันนะค่ะ **
ร่วมเป็นแรงใจในการช่วยเหลือพี่น้องไทย เพื่อในหลวงกันนะค่ะ ♥
คลิก Like ที่ http://on.fb.me/tXPXaI นะคะ
เพื่อร่วมสนับสนุนช่วยผู้ประสบอุทกภัย ปี 54 ผ่านทางสภากาชาดไทยและครอบครัวข่าว 3 ของช่อง 3
โอกาสที่เราจะได้ร่วมทำสิ่งดีๆเพื่อสังคม!! PSP CSR กิจกรรมเพื่อสังคม กันนะค่ะ !!!
เข้าไปคลิก Like ที่ http://on.fb.me/tXPXaI นะค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น