วันที่ 13 ส.ค. คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานที่ปรึกษาสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย และผู้จัดการทีมแบดมินตันทีมชาติไทย ชุดโอลิมปิกเกมส์ 2012 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เปิดใจถึงอนาคตถึงวงการแบดมินตันไทยว่า ตนไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ ทีมไม่ได้เหรียญใดๆ กลับมา เพราะนักกีฬาและสต๊าฟโค้ชทุกคน ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถแล้ว อีกทั้งผลงานโดยภาพรวมก็ต้องถือว่าน่าพอใจ
คุณหญิงปัทมา กล่าวว่า "การไปโอลิมปิกของทั้งผู้จัดการและนักกีฬา ก็ย่อมต้องหวังเหรียญค่ะ จะเหรียญอะไรก็ได้ แต่แม้ไม่ได้เหรียญกลับมา ก็ไม่เสียใจ เพราะได้รับใช้ประเทศชาติอย่างสุดกำลัง และนำชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศไทย ทุุกคนตั้งเป้าหมายเอาไว้ คือได้เหรียญ แต่ถ้าไม่ได้เหรียญ ก็เสียดาย แต่ไม่ได้ฟูมฟายเสียใจ มองภาพรวม ผลลัพธ์เป็นเชิงบวก ไม่ใช่เล่นไม่ดี การเล่นของแต่ละคน อยู่ในเกณฑ์ที่ดีแล้ว"
ปธ.ที่ปรึกษาทีมตบขนไก่ไทย เสริมว่า "การที่แบดมินตันไม่ได้เหรียญโอลิมปิกครั้งนี้ ถือว่าเป็นการพลาดเหรียญเป็นครั้งแรกของปัทมาในฐานะผู้จัดการทีมค่ะ โอลิมปิกครั้งนี้ ตนคิดว่า แบดมินตันไทยแพ้ในเกม แต่แบดมินตันไทยชนะใจคนดู ชนะใจประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ตนถือว่าวงการแบดมินตันไทยประสบความสำเร็จจากการที่แฟนกีฬาชาวไทยไม่มีใครปฏิเสธว่ากระแสกีฬาแบดมินตันไทยตื่นตัว และสร้างสีสันอย่างมาก จากการแสดงผลงานของนักแบดมินตันในโอลิมปิกครั้งนี้"
"เช่น ''น้องเมย์'' รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันทีมชาติไทย สาวน้อยมหัศจรรย์ วัย 17 ปี สร้างความประทับใจให้กับคนไทยที่ติดตามชมและเชียร์ลุ้นหน้าจอทีวี แม้จะพ่ายให้กับนักกีฬาจากจีน แต่ถือว่าได้ใจคนไทยทั้งประเทศเป็นกระแสให้เยาวชนไทยหันมาสนใจการเล่นแบดมินตันมากยิ่งขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงเวลานี้ โอลิมปิกครั้งนี้ เราเข้ารอบ 8 คนสุดท้าย ถึง 3 ประเภท ถือว่าดีกว่าครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา แม้อาจยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม คือ การได้เหรียญ แต่การเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ถึง 3 ประเภท จากการส่งไป 4 ประเภท ถือว่ามากที่สุดของการไปร่วมแข่งขันของนักแบดมินตันไทย" คุณหญิงปัทมา กล่าว
อย่างไรก็ตาม คุณหญิงปัทมา ต้องการให้นักกีฬาและสต๊าฟโค้ช นำประสบการณ์ในศึก "ลอนดอนเกมส์" ครั้งนี้ มาพิจารณาค้นหาและประเมินจุดแข็งและศักยภาพเด่นของนักกีฬาแต่ละคน เพื่อพัฒนาจุดแข็งของนักกีฬา เพิ่มประสิทธิภาพจุดแข็งนั้นให้เป็นอาวุธอันทรงพลังที่สุด และนำจุดแข็ง นำอาวุธ หรือศักยภาพนั้นๆ ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ในเกมการแข่งขัน รวมทั้งอยากสนับสนุนให้นักแบดมินตันทีมชาติไทยทุกคน ตลอดจนเยาวชนไทยรุ่นใหม่ๆ ได้พัฒนาขีดความสามารถ ทั้งศักยภาพ และความแข็งแกร่งทนทาน ฝึกฝนทั้งทางเทคนิด ทางร่างกายสมาธิ อารมณ์ อย่างต่อเนื่องยาวนาน ให้มีทักษะและความเข้มแข็งขั้นสูงที่มีจำนวนมากพอ อีกทั้งให้ได้มีโอกาสในการแข่งขันมากขึ้นด้วย
"อยากขอให้ทางภาครัฐ และ ภาคเอกชน ช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนแบดมินตันให้มากยิ่งขึ้นทั้งในด้านงบประมาณและวิทยาการด้านต่างๆ และส่งเสริมให้มีสถานที่ที่เหมาะสมในการฝึกซ้อม อีกทั้งอยากให้การส่งเสริมสนับสนุนทุกรูปแบบจากทุกฝ่ายมีความสม่ำเสมออย่างต่อเนื่องยาวนานไม่เพียงช่วงกระแสโอลิมปิกนี้เท่านั้น แต่ต้องทำอย่างเสมอต้นเสมอปลาย และไม่ใช่เพียงการตั้งรางวัลซึ่งเป็นปลายเหตุ แต่ต้องช่วยดูแลประคับประคองกันไปทุกรายละเอียดตั้งแต่เริ่มจนถึงการเข้าแข่งขันรายการสำคัญๆ" ผู้จัดการทีม แบดมินตัน ชุดโอลิมปิกเกมส์ 2012 ทิ้งท้าย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น