วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

EPL 12bet :หงส์เข้าชิงคาร์ลิ่ง!ตีเจ๊าเรือ2-2สกอร์รวม3-2






     เคร็ก เบลลามี่ เป็นฮีโร่ในเกมนี้หลังซัดประตูตีเสมอช่วยให้ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไล่ตามตีเสมอ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ไปแบบสุดมันส์ 2-2 รวมสองนัด ลิเวอร์พูล เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-2 ผ่านเข้าไปชิงกับ คาร์ดิฟฟ์ ได้สำเร็จ ในศึกฟุตบอล คาร์ลิ่งคัพ เมื่อวันพุธที่ 25 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา




คาร์ลิ่งคัพ รอบรองชนะเลิศ นัดสอง
วันพุธที่ 25 มกราคม 2555
ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก) 2 - แมนฯ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) 2
(รวมผลสองนัดลิเวอร์พูลเข้าชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 3-2) 




สนาม : แอนฟิลด์



        นัดที่สองในบ้านของลิเวอร์พูล เจ้าถิ่นซึ่งบุกไปคว่ำแมนฯ ซิตี้นัดแรก 1-0  ยังไม่มีหลุยส์ ซัวเรซที่ติดโทษแบน และเลือกใช้บริการเดิร์ก เคาท์เป็นตัวจริงโดยแอนดี้ แคร์โรลล์มีชื่อนั่งอยู่ข้างสนาม

        ส่วนทีมเรือใบตัดสินใจยอมรับโทษแบนสี่เกมของมาริโอ บาโลเตลลี่ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันที และยังปราศจากแว็งซ็องต์ ก็องปานีที่ติดโทษแบน แถมมีเซอร์ไพรซ์เล็กๆไม่ส่งเซร์คิโอ อาเกวโร่ลงบู๊เป็น 11 ตัวแรก

        เกมเริ่มมาได้ 4 นาที ลิเวอร์พูลก็น่าจะมีสกอร์เมื่อสจ๊วร์ต ดาวนิ่งลากบอลขึ้นกราบซ้ายแล้วโยนเข้าเขตโทษโดยไม่มีอะไรน่ากลัว แต่อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟเตะสกัดแย่แฉลบย้อนมาเสาแรกให้โฆเซ่ เอ็นริเก้ได้พักอกแล้วง้างยิงเหน่งๆโดยไม่มีใครขวางระยะแปดหลา  ทว่าโจ ฮาร์ทโชว์หนึบตั้งแต่ต้นใช้ขาสกัดได้เหลือเชื่อ

        จากนั้นอีกสองนาที สตีเว่น เจอร์ราร์ดก็มีใบเหลืองติดตัวอย่างเร็วจี๋ข้อหาทำฟาวล์แกเร็ธ แบร์รี่

        หงส์แดงยังกดดันทีมเยือนได้ดี และนาทีที่ 11 ชาร์ลี อดัมก็ลองตะบันจากหน้าเขตโทษด้านซ้าย แต่ฮาร์ทล้มตัวตะครุบได้

        นับจากนั้น ทีมเรือใบก็เดินหน้าได้บ้าง และนาทีที่ 17 จากการผ่านบอลเข้าเขตโทษ เอดิน เชโก้ก็เข้าถึงบอลก่อนแล้วโดยอดัมเข้าสอยข้อเท้าจากด้านหลังจนล้ม แต่ผู้ตัดสินปล่อยให้เล่นต่อโดยไม่เป่าให้ทีมเงินถังได้ลูกโทษ

        จากนั้นในนาทีที่ 21 เร้ด แมชีนก็น่าจะสอยตาข่ายได้อีกเมื่อเคร็ก  เบลลามี่ก็สบโอกาสกระชากบอลสลัดหนีสเตฟาน ซาวิชเข้าเขตโทษด้านขวาได้แล้วกระทุ้งทันที แต่ฮาร์ทยังปัดทิ้งได้อย่างยอดเยี่ยมอีกตามเคย

        ขยับมาอีกสามนาที เดิร์ก เคาท์ทิ่มบอลขึ้นหน้าให้เบลลามี่หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษไปซัดจาก 16 หลาผ่านฮาร์ทได้สำเร็จ  แต่ไม่เป็นประตูเนื่องจากสตาร์เวลส์ล้ำหน้าก่อนแล้ว

        และในที่สุดนาทีที่ 31 เดอะ ค็อปก็ต้องสะอึกเมื่อดาบิด ซิลบาพาบอลลุยขึ้นมาทางซ้ายแล้วป้ายเข้ากลางให้ไนเจล เดอ ย็องก์ลากไปง้างยิงจาก 25 หลาโดยเสียจังหวะลื่นล้ม แต่กลายเป็นดีบอลโดนหัวเกือกปั่นไซด์โป้งเสียบสามเหลี่ยมอย่างเหมาะเจาะสุดที่โฆเซ่ เรน่าจะพุ่งปัดถึง จึงเป็นอันว่าแมนฯ ซิตี้นำ 1-0 ทำให้สกอร์รวมเท่ากันที่ 1-1

        เจ้าถิ่นกัดฟันลุยต่อ  และสร้างปัญหาให้อาคันตุกะอย่างต่อเนื่อง กระทั่งนาทีที่ 40 จากลูกเตะมุมด้านขวา ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ก็ได้แปจาก 12 หลาแล้วบอลพุ่งไปโดนขาของไมกาห์ ริชาร์ดส์กัปตันเรือใบที่แหย่เข้าสกัดก่อนกระดอนสูงไปถูกแขนแล้วสิงห์เชิ้ตดำเป่าให้ลิเวอร์พูลได้ลูกโทษโดยเจอร์ราร์ดสังหารไม่พลาดช่วยให้หงส์แดงตีเสมอ 1-1 พร้อมนำด้วยสกอร์รวม 2-1

        ยักษ์ใหญ่แห่งเมอร์ซีย์ไซด์ยังไม่หนำใจ พยายามบุกต่อเพื่อสอยตาข่ายเพิ่มกันเหนียว แต่เจาะประตูเพิ่มไม่สำเร็จ จบครึ่งแรกทั้งคู่จึงเจ๊ากันไป 1-1

        ครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ส่งอาเกวโร่ลงสนามโดยถอดซาวิชออก ยอมเสี่ยงเล่นในระบบสามกองหลัง

        กระนั้นผ่านมาสามนาที เรือใบก็หวิดจมลงสู่ก้นทะเลจากจังหวะเข่นเต็มข้อระยะ 18 หลาของเคาท์ ดีที่ว่าฮาร์ทยังเซฟได้

        ล่วงมาถึงนาทีที่ 53 เจ้าบ้านได้ลูกฟรีคิกทางกราบซ้าย เจอร์ราร์ดจึงสาดเข้าไปแล้วฮาร์ทชกทิ้งไม่ขาดโดนมาร์ติน สเคอร์เทลจิ้มยิงด้วยหัวเกือกจากสิบหลา แต่โกลมือกาวทีมชาติอังกฤษยังกระโดดปัดพ้นสามเหลี่ยมได้อย่างสุดมหัศจรรย์

        นาทีต่อมา ลิเวอร์พูลยังเพิ่มสกอร์ไม่ได้ทั้งๆที่โอกาสเปิดกว้างสุดๆเมื่อเคาท์มีพื้นที่กระชากบอลขึ้นทางขวาแล้วจ่ายยาวไปเสาสองให้ดาวนิ่งซัดเผาขน แต่ฮาร์ทยังใช้ขาเซฟได้อีก

        นาทีที่ 65 ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองให้โคลารอฟทั้งๆที่กองหลังเรือใบเข้าหาบอลได้ก่อนแล้วโดนจอร์แดน เฮนเดอร์สันเข้าปะทะโดยมิดฟิลด์หงส์แดงล้มไปเอง

        เข้าสู่นาทีที่ 64 เอ็นริเก้ก็โดนจดชื่อในจังหวะดึงปาโบล ซาบาเลต้าไม่ให้เลื้อยหนี และอีกสามนาทีต่อมา หงส์แดงก็ปีกหักอีกหนเมื่อโคลารอฟกระชากบอลขึ้นทางซ้ายหนีเจอร์ราร์ดได้แล้วจ่ายเข้าเขตโทษโดยอเกวโร่เข้าชาร์จเสาแรกไม่ทัน แต่เชโก้เช็คบิลที่เสาไกลระยะห้าหลาไม่เหลือ จึงเป็นอันว่าเรือใบนำ 2-1 และได้เปรียบอะเวย์โกลจากสกอร์รวม 2-2 แต่จะนับหลังจากเล่นกันในช่วงต่อเวลาพิเศษซะก่อนตามกฏของถ้วยนี้

        ถึงตรงนี้ ลิเวอร์พูลจำต้องโหมบุกอีกรอบ และนาทีที่ 74 ก็ทำสำเร็จเมื่อเคาท์เลื้อยจากริมสนามด้านขวาตัดเข้ามาไหลเข้าเขตโทษแล้วเกล็น จอห์นสันป้ายเข้ามาหน้าประตูให้เบลลามี่ซัดจาก 12 หลาผ่านฮาร์ทพาเร้ด แมชีนตีเสมอ 2-2 มีสกอร์รวมนำ 3-2

        สถานการณ์ส่งผลให้เจ้าบ้านมีกำลังใจเดินหน้าต่อ ขณะที่เรือใบปล่อยอดัม จอห์นสันลงไปแทนเดอ ย็องก์ในนาทีที่ 78  แต่ก็ไม่อาจพลิกผันผลลัพธ์ได้ จบเกมเจ้าบ้านจึงผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-2 จากผลเสมอ 2-2 ไปชิงชนะเลิศกับคาร์ดิฟฟ์ที่เวมบลีย์ในวันที่ 26 ก.พ.




รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า , เกล็น จอห์นสัน , มาร์ติน สเคอร์เทล , ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ , โฆเซ่ เอ็นริเก้ , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , ชาร์ลี อดัม , สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ,สตีเว่น เจอร์ราร์ด , เคร็ก เบลลามี่ , เดิร์ก เคาท์
สำรอง :อเล็กซานเดอร์ โดนี่  , เซบาสเตียน โคอาเตส , มาร์ติน เคลลี่ , เจมี่ คาร์ราเกอร์ ,  จอนโจ้ เชลวีย์ , แอนดี้ แคร์โรลล์ , มักซี่ โรดริเกซ 


แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท , ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ,  สเตฟาน ซาวิช , โจลีออน เลสค็อตต์ , อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ , ไนเจล เดอ ย็องก์ , แกเร็ธ แบร์รี่ , ปาโบล ซาบาเลต้า , ดาบิด ซิลบา , ซามีร์ นาสรี่ , เอดิน เชโก้
สำรอง : คอสเทล พานติลิมอน , กาแอล กลิชี่ ,คาริม เรคิก ,  เจมส์ มิลเนอร์ , อดัม จอห์นสัน , โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ , เซร์คิโอ อาเกวโร่ 


ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น