วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

หงส์จับมือวอร์ริเออร์ออกชุดแข่งใหม่ซีซั่นหน้า#12bet







หงส์แดง" ลิเวอร์พูล บอกลาชุดแข่งของอาดิดาส ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับวอร์ริเออร์ สปอร์ตส์ บริษัทสัญชาติอเมริกัน เตรียมออกชุดแข่งใหม่ตั้งแต่ซีซั่นหน้าเรียบร้อย คาดรับทรัพย์มหาศาลกว่า 1,250 ล้านบาทต่อปี เป็นรองเพียง "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า เท่านั้น




        สโมสรลิเวอร์พูล อดีตมหาอำนาจลูกหนังเกาะอังกฤษ ออกมาประกาศการตกลงสัญญา 6 ปี กับ วอร์ริเออร์ สปอร์ตส์ บริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬาจากสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนชุดแข่งของทีมนับตั้งแต่ฤดูกาล 2012-2013 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากกำลังจะหมดสัญญากับอาดิดาส ยักษ์ใหญ่แห่งวงการกีฬา ในช่วงจบฤดูกาลนี้

        การทำสัญญาฉบับนี้นับเป็นย่างก้าวแรกของวอร์ริเออร์ ที่เข้ามาทำตลาดในวงการลูกหนัง และนับเป็นการสร้างความแข็งแกร่งของ "หงส์แดง" กับบริษัทแดนลุงแซม หลังจากเฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ปของจอห์น เฮนรี่ นักธุรกิจมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เข้ามาเทคโอเวอร์ถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อปี 2010

        เอียน อายร์ กรรมการผู้จัดการของ "เดอะ เร้ดส์" กล่าวว่า "นี่เป็นอีกหนึ่งการทำสัญญาครั้งสำคัญสำหรับสโมสรลิเวอร์พูล และเป็นการแสดงให้เห็นถึงชื่อเสียงของสโมสรในระดับโลกอีกครั้งหนึ่ง"

        ด้านริชาร์ด ไรท์ ผู้จัดการทั่วไปของวอร์ริเออร์ สปอร์ตส์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของนิว บาลานซ์ ผู้ผลิตรองเท้ากีฬาชั้นนำของประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า "พวกเรามาที่นี่เพื่อจับมือกับโลกฟุตบอล และการเป็นพันธมิตรของเรากับหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดการเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น"

        สำหรับบริษัทที่มีฐานที่มั่นในเมืองบอสตัน จะผลิตชุดแข่งเกมเหย้า, เกมเยือน รวมถึงชุดที่ 3 ให้กับลิเวอร์พูล เช่นเดียวกับบรรดาเสื้อผ้าสำหรับใส่ทำการฝึกซ้อม โดยการทำสัญญาในครั้งนี้ ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดผลประโยชน์ที่ยอดทีมแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์จะได้รับ 

        อย่างไรก็ตามเดลี่ เมล หนังสือพิมพ์เล่มดังเมืองผู้ดี คาดว่าสัญญาครั้งนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 150 ล้านปอนด์ (ประมาณ 7,500 ล้านบาท) ตลอดเวลา 6 ปี หรือปีละ 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,250 ล้านบาท) เป็นรองเพียงบาร์เซโลน่า ยอดทีมลูกหนังเมืองกระทิง ที่ทำสัญญากับไนกี้ ปีละ 26.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,315 ล้านบาท) และมากกว่าสัญญาระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อริสำคัญกับไนกี้ ที่ได้รับปีละ 23.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,175 ล้านบาท) อีกด้วย








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น