วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สิงห์ผงาดแชมป์เอฟเอ!เฉือนหงส์แดงสุดมันส์2-1







   "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ผงาดคว้าแชมป์ได้สำเร็จหลังเป็นฝ่ายเฉือนเก็บชัยเหนือ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไปแบบสุดมันส์ 2-1 ส่งผลให้ทัพสิงห์คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 7 และนับเป็นการคว้าถ้วยใบเก่าแก่ที่สุดแห่งเกาะอังกฤษ 4 สมัย ในรอบ 6 ปีที่เข้าชิงฯ อีกด้วย ในศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ นัดชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา



ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ
วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม 2555
เชลซี 2      -      1 ลิเวอร์พูล

สนาม : เวมบลีย์

         ศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ "สิงห์บลูส์" เชลซี บู๊กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยเชลซี ส่ง ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา เป็นหัวหอกตัวเป้า ขณะที่ ลิเวอร์พูล ใช้ เคร็ก เบลลามี่ จับคู่ หลุยส์ ซัวเรซ ในการล่าตาข่าย ส่วน แอนดี้ แคร์โรลล์ มีชื่อเพียงสำรองเท่านั้น

      [ทำประตู] เริ่มเกมมาเพียง11นาที สาวกสิงห์บลูส์ ได้เฮกันลั่นก่อน เมื่อ รามิเรส ได้บอลจากกลางสนาม ก่อนใช้ความแข็งแกร่ง เบียดเอาชนะ โฆเซ่ เอ็นริเก้ หลุดเข้าไปสับไกยิงด้วยขวา ส่งบอลตุงตาข่ายให้ เชลซี นำอย่างรวดเร็ว 1-0

     หลังเสียประตู2นาที ลิเวอร์พูล มีโอกาสใกล้เคียงบ้าง เมื่อ เคร็ก เบลลามี่ ได้วอลเล่ย์ด้วยเท้าขวาในกรอบเขตโทษ แต่ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช สกัดหน้าประตูได้อย่างหวุดหวิด

     นาทีที่23 แฟนหงส์ ได้ใจหายวาบ เมื่อ โซลามง กาลู พาบอลแหวกมาจากริมเส้นฝั่งซ้าย เกือบทะลุผ่านเข้าไปสับไกในกรอบเขตโทษ แต่ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ยังไว ล้มตัวสกัดได้ทัน

     10นาทีต่อมา เชลซี ได้ฟรีคิกระยะ40หลา ฆวน มาต้า เปิดโด่งไปที่หน้าประตู แต่แนวรับของ ลิเวอร์พูล ยังสกัดทิ้งไปได้ ก่อนบอลเข้าทางนักเตะเชลซี

      [ใบเหลือง] นาทีที่37 เชลซี โดนใบเหลืองไปก่อน เมื่อ จอห์น โอบี มิเกล ไปเสียบหนักใส่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ผู้ตัดสินชูใบเหลืองเตือนทันที ก่อน เชลซี มีโอกาสได้จบอีกครั้ง จากจังหวะยิงไกลระยะ40หลาของ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา แต่บอลเบาและไม่ตรงกรอบ

     ก่อนหมดเวลา5นาที ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุมครั้งแรก และมีโอกาสเปิดเข้ามากดดัน จาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด แต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังชกทิ้งเคลียร์บอลไว้ได้

      [ใบเหลือง] ช่วงท้ายครึ่งแรก เป็นฝ่าย ลิเวอร์พูล ที่รับใบเหลืองไปบ้าง เมื่อ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ไปเข้าบอลหนักใส่ จอห์น โอบี มิเกล ผู้ตัดสินฟิล ดาวด์ ชูใบเหลืองให้บ้าง ก่อนหมดครึ่งแรก ทำอะไรกันไม่ได้ เชลซี จึงนำ ลิเวอร์พูล อยู่ 1-0

     มาลุ้นระทึกกันต่อในครึ่งเวลาหลังทั้งสองทีมยังคงไม่มีรายงานการเปลี่ยนตัวผู้เล่นแต่อย่างใดและก็เป็นเชลซีที่ได้จังหวะทักทายก่อน จากดร็อกบา ที่ไหลบอลเข้าไปให้ แอชลี่ย์ โคล ในเขตหงส์แดงแต่บอลกระดอนไปเข้ามือ เรน่า รับเข้าซองไว้ได้

     นาทีที่ 48 เชลซี ได้ลูกแตะมุมทางด้านซ้าย แลมพาร์ด รับหน้าที่โยนเข้ามาและเป็น เทอร์รี่ที่เบียด สเคอร์เทล เข้ายิงแต่ผู้ตัดสินเป่าให้หงส์แดงได้ฟาวน์

      [ทำประตู] สี่นาทีถัดมาเป็นทัพสิงห์บูลส์ที่เดินเกมบุกขึ้นมาบ้างและก็ได้ประตูขึ้นนำเป็น 2-0 จากจังหวะจ่ายบอลของ แลมพาร์ด ส่งต่อไปให้ ดร็อกบา จับหนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยเท้าซ้ายบริเวณเส้นกรอบโทษของฝั่งหงส์แดงบอลพุ่งรอดขา สเคอร์เทล ไปทางเสาไกล เรน่า ได้แต่ป้องกันด้วยสายตาบอลเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม


      [เปลี่ยนตัว] นาทีที่ 54 หงส์แดงพยายามโหมบุกอย่างหนักและเกือบมาได้ประตูตีเสมอ จากการซัดในกรอบเขตโทษเชลซีของ ซัวเรซ แต่ไม่ผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก ที่ปัดบอลออกไปได้ และนาทีต่อมา หงส์แดง ตัดสินใจเติมเกมรุกโดยส่ง แอนดี้ แคร์โรลล์ ลงมาแทน เจย์ สเพียริ่ง

     นาทีที่ 59 ทัพสิงห์มีโอกาสลุ้นอีกครั้งจากจังหวะสับไกขอ กาลู ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายแต่บอลลอยโด่งหลุดออกเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย

     ผ่านพ้นมาถึงนาทีที่ 61 สิงห์บูลส์ได้ลูกฟรีคิกกลางกรอบเขตโทษระยะประมาณ 30 หลาจากจังหวะทำฟาวน์ของ ซัวเรซ ที่เข้าตัดจังหวะการยิงของ ดร็อกบา และเป็น แลมพาร์ด ที่รับหน้าที่ปั่นบอลหลุดออกเสาสองไปอย่างได้ลุ้น

      [ทำประตู] เสียงเฮของเหล่าสาวกหงส์แดงได้เฮลั่นสนั่นกันอีกครั้ง นาทีที่ 64เมื่อได้ประตูตีตื้นเป็น 1-2 จากจังหวะที่ แอนดี้ แคร์โรลล์ หลุดเข้าไปพาบอลหลบ จอห์น เทอร์รี่ ถึงสองจังหวะก่อนซัดด้วยเท้าซ้ายเต็มแรงบอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปตาข่ายสั่นสะเทือน ปีเตอร์ เช็ก ที่พุ่งสุดตัวแต่ป้องกันไว้ไม่ทัน

     และดูเหมือนว่าองศาของเกมรุกจะตกไปอยู่ที่หงส์แดงทันทีเมื่อได้เดินเกมบุกเข้าใส่ทัพสิงห์บูลส์อย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 70 แคร์โรลล์ ขึ้นโหม่งตั้งบอลกลับไปให้ เจอร์ราร์ด ที่วิ่งเข้ามาวอลเล่ย์ด้วยเท้าขวาหน้ากรอบเขตโทษ เชลซี เต็มข้อด้วยเท้าขวาแต่บอลเหินออกไปไกล

     ดูเหมือนว่าเกมบุกของสิงห์บูลลส์จะช็อตไปดื้อนาทีที่ 74 หงส์แดงที่โหมบุกมาได้ลุ้นเสียวสันหลังอีกครั้งจากการพาบอลขึ้นมาทางฝั่งซ้ายของ โฆเซ่ เอ็นริเก้ ก่อนเปิดบอลโด่งเข้ามาในเขตโทษเชลซี และเป็น แคร์โรลล์ ที่โหมขึ้นโหม่งบอลได้แต่หลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

      [เปลี่ยนตัว] นาทีที่ 76 เชลซี เปลี่ยนตัวผู้เล่นโดยส่ง ราอูล เมยเรเลส ลงมาแทน รามิเรส ผู้ซัดประตูแรกของเกมออก

     นาทีที่ 73 หงส์แดง ได้จังหวะซัดประตูอีกครั้งจากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ สับไกลทางด้านขวาของกรอบเขตโทษทัพสิงห์ แต่เป็น เช็ก ที่พุ่งปัดออกไปได้

      [เปลี่ยนตัว] นาทีที่ 78 หงส์แดง เปลี่ยนตัวผู้เล่นอีกหนึ่งคนโดยส่ง เดิร์ก เค้าท์ ลงมาแทน เคร็ก เบลลามี่

     หงส์แดงยังคงเดินหน้าครองเกมบุกได้อย่างต่อเนื่อง และนาที่ที่ 81 พลาดโอกาสได้ประตูตีเสมออย่างน่าเสียดาย เมื่อ แคร์โรลล์ ได้ขึ้นโขกโล่งๆ ไม่ถึง 5 หลาทางฝั่งซ้ายบอลพุ่งเข้ากรอบแต่เป็น ปีเตอร์ เช็ก ที่พุ่งปัดออกไปได้ แต่จังหวะดังกล่าวเกิดการประท้วงของผู้เล่น หงส์แดง ที่คิดว่าบอลข้ามเส้นเข้าไปแล้ว แต่เมื่อกลับมาดูภาพช้าจากกล้องกลายเป็นซูปเปอร์เซฟของ เช็ก เนื่องจากบอบปัดชนคานแล้วบอบตกออกไปนอกเส้น

     เกมดำเนินมาถึงช่วง 5 นาทีสุดท้าย หงส์แดงยังคงโหมบุกอย่างหนักและมาได้ลูกฟรีคิกระยะประมาณ 18 หลา ทางขวาของกรอบเขตโทษสิงห์บูลส์ และเป็น เจอร์ราร์ดที่ตัดสินใจปั่นด้วยขวาบอลไปติด ดร็อกบา ออกหลัง หงส์แดงได้ลูกแตะมุม

     นาทีที่ 89 หงส์แดง มาได้ลูกแตะมุมอีกหนึ่งครั้ง ดาวนิ่ง ปั่นด้วยเท้าซ้ายเข้ามาแต่แข้งเชลซีช่วยกันโหม่งสกัดออกมาได้

      [เปลี่ยนตัว] นาทีที่ 91 เชลซี เปลี่ยนผู้เล่นอีกหนึ่งคนโดยส่ง ฟลอรองต์ มาลูด้า ลงมาแทน มาต้า

     ลิเวอร์พูล ไม่รอช้าโหมบุกอย่างเต็มกำลังและเกือบมาได้ลุ้นอีกในนาทีที่ 92 จากการหลุดไปซ้ดด้วยเท้าซ้ายของ แคร์โรลล์ แต่ด้วยมุมที่แคบจิงทำให้ไม่ผ่านแผงหลังเชลซีที่สกัดออกไปได้


     นาทีที่ 94 สิงห์บูลส์มาได้ลุ้นอีกหนึ่งจังหวะจากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษหงส์แดงบ้าง ระยะประมาณ 25 หลา เป็น แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ซัดด้วยเท้าขวาบอลเข้ากรอบ เรน่า ต้องออกแรงปัดแต่ยังตามมารับไว้ได้ทัน


     ช่วงทดเวลาที่เหลือไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มได้จบเกม เชลซี เฉือนเก็ยเหนือ ลิเวอร์พูล ไปแบบสุดมันส์ 2-1 ผงาดคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ประจำฤดูกาล 2011-2012 ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ส่งผลให้ทัพสิงห์คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 7 และนับเป็นการคว้าถ้วยใบเก่าแก่ที่สุดแห่งเกาะอังกฤษ 4 สมัย ในรอบ 6 ปีที่เข้าชิงฯ อีกด้วย

รายชื่อนักเตะของทั้งสองทีม

เชลซี(4-2-3-1):ปีเตอร์ เช็ก , โชเซ่ โบซิงวา, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล,จอห์น โอบี มิเกล,แฟร้งค์ แลมพาร์ด, รามิเรส,โซลามง กาลู, ฆวน มาต้า,ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา

สำรอง : รอสส์ เทิร์นบูลล์,เปาโล แฟร์ไรร่า,ไมเคิ่ล เอสเซียง,ราอูล เมยเรเลส,ฟลอรองต์ มาลูด้า,เฟร์นันโด ตอร์เรส,ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

ลิเวอร์พูล(4-4-2):โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน,มาร์ติน สเคอร์เทล,ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์,โฆเซ่ เอ็นริเก้,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,เจย์ สเพียริ่ง,สตีเว่น เจอร์ราร์ด,สจ๊วร์ต  ดาวนิ่ง,เคร็ก เบลลามี่,หลุยส์ ซัวเรซ

สำรอง : อเล็กซานเดอร์ โดนี่,มาร์ติน เคลลี่,เจมี่ คาร์ราเกอร์,มักซี่ โรดริเกซ, จอนโจ เชลวี่ย์,เดิร์ก เค้าท์,แอนดี้ แคร์โรลล์

ผู้ตัดสิน:ฟิล ดาวด์





C-L footyroom.com by footyroom

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น